กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ชวนบอกเลิกบุหรี่ในวันแห่งความรัก เพราะบุหรี่ทำร้ายตัวเองครอบครัวและคนที่ตัวเองรัก แนะใช้หลักสุขบัญญัติบอกเลิกบุหรี่ ปฏิบัติจนเป็นนิสัย ห่างไกลจากโรคมะเร็งปอด
นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า บุหรี่เป็นภัยร้าย ใกล้ตัวและอาจทำร้ายคนที่คุณรัก โดยการสูบบุหรี่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้สูบ ทำให้เสียบุคลิก ควันติดตามตัวและเสื้อผ้า มีคราบฟัน ฟันเหลือง มีกลิ่นปาก และที่สำคัญคือ ทำให้เป็นโรคมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพองและโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมามากมาย อีกทั้งยังส่งผลต่อบุคคลรอบข้าง ทั้ง พ่อ แม่ ครอบครัว และลูก โดยเฉพาะเด็ก ทำให้ป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ ปอดบวม หอบหืดได้ และหญิงตั้งครรภ์มีโอกาสแท้งก่อนกำหนด เด็กที่เกิดมามีพัฒนาการด้านสมองช้าหรืออาจมีความผิดปกติทางระบบประสาทและระบบความจำ จึงชวนให้ผู้ที่สูบบุหรี่ เลิกสูบบุหรี่ในวันแห่งความรัก เป็นของขวัญชิ้นสำคัญที่มอบให้กับพ่อ แม่ ครอบครัวและคนที่คุณรัก แสดงให้เห็นความตั้งใจและจริงใจที่จะมีสุขภาพดี ที่จะอยู่ดูแลกันและกัน มีความสุข และพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าร่วมกันอย่างมีคุณภาพชีวิต
นายชาญยุทธ พรหมประพัฒน์ ผู้อำนวยการกองสุขศึกษา กล่าวว่า การเลิกสูบบุหรี่ อาจจะคิดว่ายาก แต่ทุกคนสามารถเลิกได้ ขอให้ตั้งใจแน่วแน่ในการเลิกบุหรี่และปฏิบัติตามแนวทางของสุขบัญญัติเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโรค ได้แก่ ไม่คิดถึงการสูบบุหรี่ ให้เวลากับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 5 วันๆ ละ 30 นาที ทำกิจกรรมที่มีประโยชน์สร้างความสุขให้ตัวเอง และใส่ใจในการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพิ่มผัก ผลไม้ ลดอาหารที่ไขมันสูง และอาหารรสหวานจัด เค็มจัด และปฏิบัติ ดังนี้ 1) ไม่ใกล้ชิดกับบุคคลที่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงทำกิจกรรมที่เคยทำก่อน หลัง หรือขณะที่สูบบุหรี่ เพราะจะทำให้เกิดความอยากสูบ 2) รับประทานผลไม้รสเปรี้ยวหรือเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อลดความอยาก 3) อย่าหวนกลับไปสูบ เพราะการสูบเป็นครั้งคราวมีโอกาสทำให้กลับไปสูบอีกได้ 4) ปรึกษา พูดคุย บอกเป้าหมายในการเลิกสูบหรือหาแรงบันดาลใจจากคนที่คุณรัก หากต้องการปรึกษาเรื่องการเลิกสูบบุหรี่ สามารถขอรับบริการได้ที่โรงพยาบาลรัฐบาลทุกแห่ง และขอรับคำปรึกษาในการเลิกบุหรี่ได้ฟรี ที่ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ โทร.1600
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพที่น่าสนใจได้ที่เว็บไซต์คลังความรู้สุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (http://healthydee.moph.go.th)
*****************************************