“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 86,071,507 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,524 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 600.2 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (113.1%)
➡️(17 พฤศจิกายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,524 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 35.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 441 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 195 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 600.2 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (86% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 218.2 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 86,071,507 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.06%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,524 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 86,071,507 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 45,700,036 โดส (69% ของประชากร)
-เข็มสอง 37,527,295 โดส (56.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,844,176 โดส (4.3% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 17 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 86,071,507 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 659,381 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 614,349 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,221,344 โดส
– เข็มที่ 2 3,542,654 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 11,511,901 โดส
– เข็มที่ 2 24,294,950 โดส
– เข็มที่ 3 2,215,445 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,090,141 โดส
– เข็มที่ 2 6,379,123 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 4,876,650 โดส
– เข็มที่ 2 3,310,568 โดส
– เข็มที่ 3 628,731 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.5% เข็มที่2 120.1% เข็มที่3 93.3%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 60.3% เข็มที่3 17.9%
– อสม เข็มที่1 77% เข็มที่2 72.4% เข็มที่3 14.8%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 71.9% เข็มที่1 63% เข็มที่3 3.2%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 60.4% เข็มที่2 48.1% เข็มที่3 3%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.4% เข็มที่2 58.8% เข็มที่3 0.8%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 17.7% เข็มที่2 13.7% เข็มที่3 0.2%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 65.2% เข็มที่2 46.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 63.4% เข็มที่2 52.1% เข็มที่3 3.9%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 113.1% เข็มที่2 97.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.9% เข็มที่2 70.9%
2. ชลบุรี เข็มที่1 86.3% เข็มที่2 76.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.6% เข็มที่2 71.3%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 85.6% เข็มที่2 81.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.3% เข็มที่2 70.3%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 78% เข็มที่2 64.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 93.5% เข็มที่2 84.5%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 76.6% เข็มที่2 55.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 65%
6. ระนอง เข็มที่1 72.2% เข็มที่2 60.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 71.1%
7. พังงา เข็มที่1 71% เข็มที่2 63.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 70.5%
8. ระยอง เข็มที่1 67.9% เข็มที่2 55.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.4% เข็มที่2 59.8%
9. กระบี่ เข็มที่1 67.8% เข็มที่2 57.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.9% เข็มที่2 70.3%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 67.2% เข็มที่2 45.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.7% เข็มที่2 65.7%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 64.3% เข็มที่2 54.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.9% เข็มที่2 63.4%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 63.4% เข็มที่2 54.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 60.3%
13. ตราด เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 52% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.3% เข็มที่2 60.5%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 58.5% เข็มที่2 47.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.7% เข็มที่2 61%
15. เลย เข็มที่1 53.9% เข็มที่2 42.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.4% เข็มที่2 56.7%
16. อุดรธานี เข็มที่1 53.7% เข็มที่2 43% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.1% เข็มที่2 68.5%
17. หนองคาย เข็มที่1 51.3% เข็มที่2 43.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.8% เข็มที่2 61.2%
รวม เข็มที่1 84.2% เข็มที่2 70.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79% เข็มที่2 68.6%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 600,232,369 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 218,286,093 โดส (47.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 100,862,898 โดส (66.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 86,071,507 โดส (69%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 71,680,132 โดส (35.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 51,455,404 โดส (78.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,380,328 โดส (83.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 25,073,018 โดส (27.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,628,868 โดส (48.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 699,622 โดส (88.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.28%
2. ยุโรป 10.46%
3. อเมริกาเหนือ 9.42%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.42%
5. แอฟริกา 2.79%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,389.57 ล้านโดส (170.7% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,130.16 ล้านโดส (82.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 440.56 ล้านโดส (132.7%)
4. บราซิล จำนวน 296.87 ล้านโดส (141.3%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 218.29 ล้านโดส (79.1%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (238.6%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (204.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (203.1% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (200.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (190.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (190.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. อิสราเอล (177.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (174.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (173.8%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)