“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 85,412,126 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,523 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 593.9 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (112.8%)
➡️(16 พฤศจิกายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,523 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 35.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 441 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 195 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 593.9 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (86% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 215.8 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 85,412,126 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.01%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,523 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 85,412,126 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 45,488,767 โดส (68.7% ของประชากร)
-เข็มสอง 37,114,546 โดส (56.1% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,808,813 โดส (4.2% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 16 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 85,412,126 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 399,221 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 633,331 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,166,237 โดส
– เข็มที่ 2 3,541,289 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 11,409,714 โดส
– เข็มที่ 2 24,070,438 โดส
– เข็มที่ 3 2,190,001 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,068,775 โดส
– เข็มที่ 2 6,338,835 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 4,844,041 โดส
– เข็มที่ 2 3,163,984 โดส
– เข็มที่ 3 618,812 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.5% เข็มที่2 120.1% เข็มที่3 93.3%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 60.3% เข็มที่3 17.7%
– อสม เข็มที่1 77% เข็มที่2 72.2% เข็มที่3 14.7%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 71.6% เข็มที่1 62.6% เข็มที่3 3.2%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 60.1% เข็มที่2 47.6% เข็มที่3 3%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.1% เข็มที่2 58.6% เข็มที่3 0.8%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 17.6% เข็มที่2 13.6% เข็มที่3 0.2%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 44.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 51.5% เข็มที่3 3.9%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 112.8% เข็มที่2 97.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.8% เข็มที่2 70.6%
2. ชลบุรี เข็มที่1 85.9% เข็มที่2 76.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.4% เข็มที่2 71.1%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 85.5% เข็มที่2 80.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.2% เข็มที่2 70.1%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 77.8% เข็มที่2 63.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 93.4% เข็มที่2 84.2%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 76% เข็มที่2 54.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82% เข็มที่2 64.4%
6. ระนอง เข็มที่1 71.4% เข็มที่2 59.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75% เข็มที่2 71%
7. พังงา เข็มที่1 70.8% เข็มที่2 63% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 70.3%
8. กระบี่ เข็มที่1 67.7% เข็มที่2 56.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.8% เข็มที่2 69.9%
9. ระยอง เข็มที่1 67.4% เข็มที่2 55.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.2% เข็มที่2 59.6%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 66.8% เข็มที่2 45.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.5% เข็มที่2 65.3%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 64.2% เข็มที่2 53.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.9% เข็มที่2 63%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 54.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.3% เข็มที่2 60%
13. ตราด เข็มที่1 62.8% เข็มที่2 51.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 60.5%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 58.4% เข็มที่2 47.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.6% เข็มที่2 60.2%
15. เลย เข็มที่1 53.7% เข็มที่2 41.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.2% เข็มที่2 55.6%
16. อุดรธานี เข็มที่1 53.6% เข็มที่2 42.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.5% เข็มที่2 67.7%
17. หนองคาย เข็มที่1 51.1% เข็มที่2 42.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.7% เข็มที่2 60.8%
รวม เข็มที่1 83.9% เข็มที่2 70.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.9% เข็มที่2 68.2%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 593,959,178 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 215,819,672 โดส (47.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 99,751,224 โดส (66.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 85,412,126 โดส (68.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 70,677,771 โดส (35%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 51,322,636 โดส (78.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,339,596 โดส (83.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 24,253,764 โดส (26.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,595,575 โดส (48.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 692,315 โดส (87.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.28%
2. ยุโรป 10.46%
3. อเมริกาเหนือ 9.42%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.42%
5. แอฟริกา 2.79%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,389.57 ล้านโดส (170.7% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,130.03 ล้านโดส (82.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 440.56 ล้านโดส (132.7%)
4. บราซิล จำนวน 296.87 ล้านโดส (141.3%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 215.82 ล้านโดส (78.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (238.6%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (204.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (203.1% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (200.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (190.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (190.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. อิสราเอล (177.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (174.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (173.5%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)