นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานให้กับผู้เข้าฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “การเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนงานปฏิรูปที่ดิน ปี 2562” ณ ศูนย์การเรียนรู้เพื่อการปฏิรูปที่ดินอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการปรับปรุงสิทธิ และการถือครองที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รวมถึงการจัดท่ีอยู่อาศัยในท่ีดินเพื่อเกษตรกรรมให้แก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินของตนเอง หรือเกษตรกรที่มีท่ีดินเล็กน้อยไม่เพียงพอแก่การครองชีพรวมถึงการให้ความช่วยเหลือในด้านการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม การปรับปรุงทรัพยากรและปัจจัยการผลิต ตลอดจนการผลิตและการจำหน่ายผลผลิต เพื่อยกระดับคุณภาพเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จากการดําเนินงานที่ผ่านมาของ ส.ป.ก. ตามนโยบายการจัดการท่ีดินและการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังคงมีอุปสรรคในการขับเคลื่อนและถ่ายทอดนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ทำให้งานตามนโยบายบางอย่างล่าช้ากว่าที่ควร ซึ่งสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากการเข้าใจที่ไม่ตรงกันของผู้ปฏิบัติงาน อันเนื่องมาจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่างผู้บริหารและหน่วยปฏิบัติงานภายในองค์กร ดังนั้น ส.ป.ก. จึงจัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนงานปฏิรูปที่ดิน ปี2562” ขึ้น เพื่อให้ผู้บริหารของ ส.ป.ก.ส่วนกลาง ปฏิรูปท่ีดินจังหวัดทั้ง 72 จังหวัด และเจ้าหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้น 175 ราย ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการกำหนดรูปแบบและวิธีการดําเนินการที่มีเป้าหมายชัดเจนเป็นเอกภาพ มีการบริหารจัดการในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีความสอดคล้องกับนโยบายในระดับต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โลกที่เกิดความแปรปรวนทั้งด้านสภาพแวดล้อม และทางเศรษฐกิจ ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ส.ป.ก. จึงต้องปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยบุคลากรและระบบต้องได้รับการปฏิรูปไปพร้อมกัน ตลอดทั้งกำหนดทิศทางการปฏิรูปที่ชัดเจนในด้านต่างๆ อาทิ 1.การพัฒนาดินให้มีความสมบูรณ์ ด้วยการหยุดการชะล้างพังทลายหน้าดิน2.พัฒนาแหล่งน้ำ /การกักเก็บน้ำ 3.คัดเลือกพันธุ์ไม้เพาะปลูกให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และ 4.ระบบการผลิต ต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยร่วมมือกันในรูปแบบกลุ่มต่างๆอาทิ สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือรูปแบบต่างๆ เป็นต้น
“ส.ป.ก. ต้องเร่งปฏิรูปทั้งด้านบุคลากรและระบบ ในส่วนข้าราชการต้องปฏิรูปตนเองเพื่อให้เป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน โดยหมั่นศึกษา รอบรู้ ทันต่อสถานการณ์ มีความรอบคอบระมัดระวัง รู้จริงทั้งการบริหารจัดการคนและระบบ ที่สำคัญต้องมีคุณธรรมเพียงพอ และเป็นที่พึ่งนำพาเกษตรกรให้รอดพ้นจากปัญหาต่างๆได้ ขณะเดียวกัน ในด้านระบบ ควรกำหนดทิศทางการปฏิรูปอย่างชัดเจน สร้างนวัตกรรมการบริหารองค์กร สร้างองค์ความรู้จากแผ่นดิน ร่วมกันส่งเสริมการหยุดชะล้างพังทลายหน้าดินในที่ดินของเขตปฏิรูป ตลอดทั้งผสานความร่วมมือบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”นายวิวัฒน์ กล่าว
******************************