“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 84,467,731 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,470 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 586.4 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (111.9%) ➡️(14 พฤศจิกายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,470 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 35.8 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 439 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 195 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 586.4 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (86% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 214.4 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 84,467,731 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.92%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,470 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 84,467,731 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 45,204,553 โดส (68.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 36,504,141 โดส (55.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,759,037 โดส (4.2% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 14 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 84,467,731 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 373,166 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 605,168 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,082,619 โดส
– เข็มที่ 2 3,539,379 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 11,274,313 โดส
– เข็มที่ 2 23,703,183 โดส
– เข็มที่ 3 2,151,136 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,037,440 โดส
– เข็มที่ 2 6,274,531 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 4,810,181 โดส
– เข็มที่ 2 2,987,048 โดส
– เข็มที่ 3 607,901 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.7% เข็มที่2 120.2% เข็มที่3 93.3%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 60.2% เข็มที่3 17.6%
– อสม เข็มที่1 76.9% เข็มที่2 72.1% เข็มที่3 14.5%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 71.4% เข็มที่1 62% เข็มที่3 3.1%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 59.6% เข็มที่2 46.7% เข็มที่3 2.9%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.9% เข็มที่2 58.2% เข็มที่3 0.8%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 17.5% เข็มที่2 13.4% เข็มที่3 0.2%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 64.2% เข็มที่2 41.7% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 62.8% เข็มที่2 50.7% เข็มที่3 3.8%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 111.9% เข็มที่2 94.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.7% เข็มที่2 69.8%
2. ชลบุรี เข็มที่1 85.6% เข็มที่2 75% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.3% เข็มที่2 70.8%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 85.5% เข็มที่2 79.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.2% เข็มที่2 69.9%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 77.6% เข็มที่2 62.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 93.4% เข็มที่2 83.3%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 53.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.8% เข็มที่2 63.4%
6. ระนอง เข็มที่1 71.2% เข็มที่2 59.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 71%
7. พังงา เข็มที่1 70.4% เข็มที่2 62.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 70.2%
8. กระบี่ เข็มที่1 67.6% เข็มที่2 54.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.7% เข็มที่2 68.6%
9. ระยอง เข็มที่1 67.1% เข็มที่2 53.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.2% เข็มที่2 59.1%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 66.2% เข็มที่2 44.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.4% เข็มที่2 64.9%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 53.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.8% เข็มที่2 62.9%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 54% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.2% เข็มที่2 59.9%
13. ตราด เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 50.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.7% เข็มที่2 60.1%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 58.3% เข็มที่2 41.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.5% เข็มที่2 59.8%
15. เลย เข็มที่1 53.6% เข็มที่2 41.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.1% เข็มที่2 55.3%
16. อุดรธานี เข็มที่1 53.3% เข็มที่2 41.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.2% เข็มที่2 68.2%
17. หนองคาย เข็มที่1 50.6% เข็มที่2 42.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.4% เข็มที่2 60.5%
รวม เข็มที่1 83.4% เข็มที่2 68.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.7% เข็มที่2 67.6%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 586,446,688 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 214,445,104 โดส (47.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 997,831,758โดส (65.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 84,467,731 โดส (68.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 69,028,113 โดส (34%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 51,138,954 (78.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,284,327 โดส (83.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 23,010,754 โดส (25.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,464,691 โดส (47.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 680,757 โดส (86,4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.21%
2. ยุโรป 10.49%
3. อเมริกาเหนือ 9.45%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.41%
5. แอฟริกา 2.81%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,372.71 ล้านโดส (169.5% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,120.45 ล้านโดส (81.9%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 439.03 ล้านโดส (132.2%)
4. บราซิล จำนวน 294.22 ล้านโดส (140%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 214.45 ล้านโดส (77.7%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (235.3%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (203.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (203.1% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (200.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. อุรุกวัย (190.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (190.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (177.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (174.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (173.2%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)