สสส. 20 ปี ภาคีสร้างสุข

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 เป็นที่เรียบร้อย สำหรับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.  ซึ่งได้มีกิจกรรมเมื่อวันที่ 8-10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี สสส. ภายใต้ชื่องาน “20 ปี ภาคีสร้างสุข : นวัตกรรมความสุขที่ยั่งยืน”

ตลอดการเดินทาง 20 ปี ของ สสส. มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในสังคมไทย  ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่ 1 กล่าวว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 20 ปี สสส. เป็นความภาคภูมิใจของคนที่ทำงานในเรื่องของการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.เป็นองค์กรที่ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อรณรงค์สร้างเสริมสุขภาพ “สร้าง นำ ซ่อม” ซึ่งเรื่องนี้เป็นนโยบายที่สำคัญ ผลงานตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ก็จะอยู่ในงานวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สสส.ได้รับรางวัลเนลสันแมนเดลา ซึ่งเป็นรางวัลนานาชาติ นอกจากรางวัลแล้วเรายังได้รับการยอมรับจากภาคีเครือข่ายและประชาชนในแง่ของการให้ความรู้รณรงค์อีกด้วย

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า  สสส.ดำเนินงานมาครบ 20 ปี เราเห็นวาระนี้สำคัญในการที่จะเริ่มสื่อสารภาพขององค์กร ให้ทุกคนได้เห็นร่วมกัน เพราะว่าความเป็น สสส.จริง ๆ เป็นภาพในการที่เราสานพลังภาคีสร้างสุขกว่า 20,000 องค์กรทั่วประเทศ และเรายังจะขยายความร่วมมือนี้ออกไป ฉะนั้นวันนี้เองเราก็จะเล่าเรื่องของเราให้สังคมได้เห็นภาพชัดขึ้น คนอาจจะเห็นโฆษณาของ สสส. อยู่บ้าง แต่จริง ๆ แล้วเนื้องานที่อยู่ข้างใต้ มีมหาศาล รวมทั้งการที่เราไปชวนทุกภาคส่วนมาทำงานที่ต้นน้ำ ซึ่งเป็นต้นทางของการเกิดปัญหาสุขภาพนั้น จะก่อผลที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรม วิถีชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน  ไม่ใช่เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

งานครบรอบ 20 ปี สสส. แบ่งเป็น 3 วัน ได้แก่ วันที่ 8-9 พฤศจิกายน ซึ่งจัดในรูปแบบออนไลน์ 100 เปอร์เซ็นต์ และวันที่ 10 ซึ่งมีการจัดกิจกรรมแบบผสมผสานทั้ง on ground ที่ผู้ร่วมงานส่วนหนึ่งมาร่วมกิจกรรมในงาน และอีกส่วนหนึ่งรับชมผ่านช่องทางเว็บไซต์และ Facebook Live เป็นการจัดการประชุมในรูปแบบไฮบริดที่สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) โดยบริหารจัดการตามมาตรการของภาครัฐในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจัดประชุมที่ดีต่อสุขภาพ (Healthy Meeting) โดยมีมาตรการดังนี้

1.ทุกคนที่เข้าร่วมงานในสถานที่จริงจะต้องทำการลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้า 2-3 วัน เพื่อจำกัดคนเข้างาน โดยงานนี้จำกัดไม่เกิน 500 คน หลังจากนั้นระบบจะส่ง QR Code กลับมา เพื่อใช้ในการลงทะเบียน

2.วัดอุณหภูมิ และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และที่สำคัญทุกคนต้องสวมหน้ากาก 100% พร้อมกับแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 เข็ม

3.หากไม่มีหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือยังฉีดไม่ครบ 2 เข็ม จะมีจุดตรวจโควิด-19 แบบ ATK ไว้บริการ

4.ภายในห้องประชุมมีการนั่งเว้นระยะห่าง และภาคีอื่น ๆ จะใช้วิธีการออนไลน์เข้ามาร่วมพูดคุย

5.อาหารว่างและอาหารกลางวัน จะจัดเป็นชุด และเป็นไปตามการจัดประชุมที่ดีต่อสุขภาพ หรือHealthy Meeting เช่น อาหารว่าง ก็ต้องเป็นผลไม้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย อาหารกลางวัน ต้องครบ 5 หมู่ อาหารแบ่งตามสัดส่วน 2: 1 : 1

6.การประชุมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้กระดาษ สามารถอ่านเอกสารผ่านการสแกน QR CODE ได้

ดร.สุปรีดา ยังกล่าวอีกว่า งานครั้งนี้เป็นการสาธิตสิ่งที่ สสส. ทำมาตลอด 20 ปี ซึ่งทำให้เกิด 20 การเปลี่ยนแปลงใหญ่ สะท้อนภาพการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ  เป็นการทำให้สังคมได้รู้จักการสร้างเสริมสุขภาพแนวใหม่และเข้ามาเป็นแนวร่วมกับเรามากขึ้นในทศวรรษต่อไป ซึ่งได้กำหนดเป้าที่ชัด โดยใช้วิสัยทัศน์และพันธกิจ การสนับสนุนที่ จุดประกาย กระตุ้น สานและเสริม ซึ่งเป็นทิศทางหลักที่ สสส. ยังคงยึดอยู่ ตลอดจนทุกภาคส่วนของ สสส.จะปรับตัว ให้เข้ากับทศวรรษหน้า

ภายในงานมีการจัด “กิจกรรม Active Learning” ผ่านนิทรรศการ 20 ปี ภาคีสร้างสุข ทั้งในสถานที่จริง และในรูปแบบนิทรรศการเสมือน  โดยประชาชนสามารถมีส่วนร่วมสร้างสุขภาวะที่ดีด้วยกัน และติดตามรับชมผ่านทางเว็บไซต์ https://20th.thaihealth.or.th ที่มีการแสดงผลงานนวัตกรรมสุขภาพ และผลงานที่จดสิทธิบัตรมากมายอีกด้วย

สุดท้ายนี้ สสส. จะก้าวมาถึงจุดนี้ไม่ได้ หากไม่ได้รับพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการร่วมดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพ ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การได้เห็นทุกคนบนแผ่นดินไทยมีขีดความสามารถ สังคม สิ่งแวดล้อม ที่เอื้อต่อสุขภาวะอย่างยั่งยืน