“ขนมไทย” เป็นอาหารหวานที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน มีมากมายหลายชนิด รสชาติหอมหวาน สีสันสวยงาม และเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทย เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,367 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 1-4 พฤศจิกายน 2564 สรุปผลได้ ดังนี้
1.คนไทยคิดอย่างไรกับ“ขนมไทย”
อันดับ 1 | มีประวัติยาวนาน เป็นเอกลักษณ์ของไทย | 86.16% |
อันดับ 2 | สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมประเพณีไทย | 73.87% |
อันดับ 3 | ขั้นตอนการทำมีความปราณีต ละเอียด | 67.64% |
อันดับ 4 | รสชาติอร่อย หอมหวาน สีสันสวยงาม | 63.18% |
อันดับ 5 | ขนมแต่ละชนิดมีคุณค่า และความหมายที่แตกต่างกัน | 62.74% |
2.ความชอบ “ขนมไทย”
ค่อนข้างชอบ 42.34% ชอบมาก 38.49% ไม่ค่อยชอบ 15.25% ไม่ชอบ 3.92%
3.การรับประทาน“ขนมไทย”
นาน ๆ ครั้ง 45.65% สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง 44.73% ทุกวัน 9.62%
4.ค่าใช้จ่ายในการซื้อ “ขนมไทย” ต่อครั้ง
น้อยกว่า 100 บาท 53.61% 101 – 300 บาท 38.88% 301 – 500 บาท 5.35% 501 บาทขึ้นไป 2.16%
5.อันดับขนมไทย” ที่คนไทยชื่นชอบ และอยากเรียนทำขนม
ที่ | “ขนมไทย” ที่ชื่นชอบ | ภาพรวม | ที่ | “ขนมไทย” ที่อยากเรียนทำ | ภาพรวม |
1 | ข้าวต้มมัด | 53.59% | 1 | ทองหยอด | 22.89% |
2 | ขนมครก | 49.56% | 2 | ทองหยิบ | 21.76% |
3 | กล้วยบวชชี | 43.33% | 3 | หม้อแกง | 21.39% |
4 | บัวลอย | 41.86% | 4 | ข้าวเหนียวมูน | 17.92% |
5 | ข้าวเหนียวมูน | 41.50% | 5 | ขนมครก | 17.62% |
6.ความสนใจ กรณีถ้ามี “ขนมไทยเพื่อสุขภาพ”
สนใจ 87.17% ไม่สนใจ 12.83%
7.ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการเกี่ยวกับ “ขนมไทย” อย่างไร
อันดับ 1 | ควรอนุรักษ์และสืบสานขนมไทยอย่างจริงจัง | 76.14% |
อันดับ 2 | ส่งเสริมเป็นสินค้าเศรษฐกิจหลัก ผลักดันขนมไทยไประดับโลก | 75.55% |
อันดับ 3 | ต่อยอดสร้างสรรค์ร่วมกับวัฒนธรรมไทยอื่น ๆ | 61.89% |
อันดับ 4 | นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ช่วยในการทำและยืดอายุขนม | 56.75% |
อันดับ 5 | จัดสอนให้ความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญ | 51.25% |
*หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)
สรุปผลการสำรวจ : “ขนมไทย” กับ “คนไทย”
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี “ขนมไทยกับคนไทย” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,367 คน สำรวจระหว่างวันที่ 1 – 4 พฤศจิกายน 2564 พบว่า คนไทยมองว่าขนมไทยมีประวัติยาวนาน เป็นเอกลักษณ์ของไทย ร้อยละ 86.16 และค่อนข้างชอบขนมไทย ร้อยละ 42.34 ส่วนใหญ่รับประทานนาน ๆ ครั้ง ร้อยละ 45.65 และจ่ายเงินในการซื้อขนมไทยน้อยกว่า 100 บาทต่อครั้ง ร้อยละ 53.61 โดยขนมไทยที่ชอบมากที่สุด คือ ข้าวต้มมัด ร้อยละ 53.59 รองลงมาคือ ขนมครก ร้อยละ 49.56 ส่วนขนมที่อยากเรียนทำมากที่สุด คือ ทองหยอด ร้อยละ 22.89 รองลงมาคือ ทองหยิบ ร้อยละ 21.76 หากมีขนมไทยเพื่อสุขภาพก็มีความสนใจ ร้อยละ 87.17 ทั้งนี้อยากให้ภาครัฐอนุรักษ์และสืบสานขนมไทยอย่างจริงจัง ร้อยละ 76.14 รองลงมาคือ ส่งเสริมเป็นสินค้าเศรษฐกิจหลักและผลักดันขนมไทยไประดับโลก ร้อยละ 75.55
ขนมไทยเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่น่าจับตาไม่แพ้เอกลักษณ์วัฒนธรรมอื่น ๆ ของไทย เป็นที่ชื่นชอบทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ราคาขนมไทยก็ไม่สูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับขั้นตอนการทำที่มีความปราณีตและบรรจง ในเมื่อภาครัฐมีแนวคิดผลักดัน Soft Power ของไทยเพิ่มขึ้น จึงควรพัฒนาขนมไทยไปสู่เวทีโลกภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ นำนวัตกรรมมาใช้พร้อมกับถ่ายทอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม เช่น ขนมไทยดั้งเดิม ขนมไทยเพื่อสุขภาพ การยืดอายุขนม เป็นต้น
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3766533
“ขนมไทยกับคนไทย” มีประวัติมายาวนาน เป็นเอกลักษณ์ของไทย สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมประเพณีไทย มีขนมไทยหลากหลายชนิดนำมาประกอบในประเพณีไทย คนไทยในอดีตมีความเกี่ยวพันกับธรรมชาติ วิถีชีวิตทำอาชีพเกษตรกรรมจึงเกิดภูมิปัญญาในการนำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นขนมต่างๆ ขนมไทยมีจุดเด่นคือรสชาติกลมกล่อม มีความหอม ความหวาน และความมันเค็ม มีรูปลักษณ์ สีสัน สวยงาม น่ารับประทาน เหมาะสมกับราคาที่คนไทยเลือกซื้อ ขนมข้าวต้มมัดเป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทาน นำไปใช้ในงานบุญตามประเพณีต่าง ๆ คนไทยจึงควรเลือกรับประทานขนมไทยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ก่อให้เกิดโรค ด้านอุตสาหกรรมขนมไทยเองก็มีโอกาสเติบโตได้ โดยทุกคนช่วยกันอนุรักษ์และสืบสานขนมไทยอย่างจริงจัง เผยแพร่ขนมไทยให้ทั่วโลกได้รู้จัก ภาครัฐส่งเสริมผลิตภัณฑ์ขนมไทยให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจหลัก และผลักดันขนมไทยไปสู่ระดับโลก
อาจารย์กาญจนา เฟื่องศรี อาจารย์ประจำหลักสูตรคหกรรมศาสตร์ โรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต