“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 77,831,474 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,148 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 539.07 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (110%)
➡️(4 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,148 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 30.8 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 424 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 193 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 539.07 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (81.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 198.6 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 77,831,474 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.67%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,123 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 77,831,474 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 43,112,788 โดส (65.1% ของประชากร)
-เข็มสอง 32,223,467 โดส (48.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,495,219 โดส (3.8% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 4 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 77,831,474โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 817,382 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 716,999 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 21,156,405 โดส
– เข็มที่ 2 3,532,297 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 10,788,361 โดส
– เข็มที่ 2 21,414,632 โดส
– เข็มที่ 3 1,949,337 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 6,820,814 โดส
– เข็มที่ 2 5,811,383 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 4,347,208 โดส
– เข็มที่ 2 1,465,155 โดส
– เข็มที่ 3 542,882 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.1% เข็มที่2 120.3% เข็มที่3 92.8%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.5% เข็มที่2 59.4% เข็มที่3 15.4%
– อสม เข็มที่1 76.4% เข็มที่2 70.7% เข็มที่3 12.5%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 69.5% เข็มที่1 57.8% เข็มที่3 2.7%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 56.7% เข็มที่2 41.2% เข็มที่3 2.5%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 55.5% เข็มที่3 0.6%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 16.5% เข็มที่2 12.2% เข็มที่3 0.2%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 56.3% เข็มที่2 16.5% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 59.8% เข็มที่2 44.7% เข็มที่3 3.5%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 110% เข็มที่2 83% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.3% เข็มที่2 64.8%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85.1% เข็มที่2 77.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 69.3%
3. ชลบุรี เข็มที่1 83.5% เข็มที่2 68.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.4% เข็มที่2 67.9%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 75.4% เข็มที่2 59.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.4% เข็มที่2 79.5%
5. พังงา เข็มที่1 67.2% เข็มที่2 57.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.8% เข็มที่2 67.7%
6. ระนอง เข็มที่1 66.5% เข็มที่2 54.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.2% เข็มที่2 70%
7. เชียงใหม่ เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 46% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.5% เข็มที่2 59.5%
8. กระบี่ เข็มที่1 64.3% เข็มที่2 41.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 61.8%
9. ระยอง เข็มที่1 63.3% เข็มที่2 48.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 55.7%
10. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 61% เข็มที่2 47.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.9% เข็มที่2 61%
11. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 60.8% เข็มที่2 40.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.3% เข็มที่2 57.9%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 60.4% เข็มที่2 50.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74% เข็มที่2 63%
13. ตราด เข็มที่1 58.9% เข็มที่2 44.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 57.9%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 56.6% เข็มที่2 43%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.9% เข็มที่2 55.3%
15. เลย เข็มที่1 50.9% เข็มที่2 35% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.6% เข็มที่2 50.4%
16. อุดรธานี เข็มที่1 50.6% เข็มที่2 36.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.8% เข็มที่2 64.2%
17. หนองคาย เข็มที่1 47.6% เข็มที่2 37.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.8% เข็มที่2 56.2%
รวม เข็มที่1 80.5% เข็มที่2 61.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.1% เข็มที่2 63.5%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 539,075,422 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 198,655,796 โดส (44.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 84,090,899 โดส (59.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 77,831,474 โดส (65.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 61,354,945 โดส (29.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,420,916 (78%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,893,505 โดส (81.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 20,884,949 โดส (24.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,222,160 โดส (45.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 626,279 โดส (80.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.08%
2. ยุโรป 10.69%
3. อเมริกาเหนือ 9.59%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.24%
5. แอฟริกา 2.77%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,285.95 ล้านโดส (163.3% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,076.69 ล้านโดส (78.7%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 425,27 ล้านโดส (128.1%)
4. บราซิล จำนวน 276.24 ล้านโดส (131.5%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 198.66 ล้านโดส (74.4%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (227.7%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (202.1% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (197.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. ชิลี (192.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
5. อุรุกวัย (188.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (187.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (176.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (173.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
10. กัมพูชา (170.9%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)