“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 76,226,116 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,099 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 529.3 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (109.5%)
➡️(2 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,099 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 31.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 422 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 192 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 529.3 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (81.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 195.6 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 76,226,116 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.52%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,040 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 76,226,116 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 42,548,483 โดส (64.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 31,244,587 โดส (47.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,433,046 โดส (3.7% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 2 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 76,226,116 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 515,839 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 712,657 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 20,862,351 โดส
– เข็มที่ 2 3,531,258 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 10,724,547 โดส
– เข็มที่ 2 20,908,521 โดส
– เข็มที่ 3 1,898,551 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 6,739,348 โดส
– เข็มที่ 2 5,671,152 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 4,222,237 โดส
– เข็มที่ 2 1,133,656 โดส
– เข็มที่ 3 534,495 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.4% เข็มที่2 120.5% เข็มที่3 92.9%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 59.2% เข็มที่3 15%
– อสม เข็มที่1 76.2% เข็มที่2 70.3% เข็มที่3 11.9%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 69.1% เข็มที่1 56.8% เข็มที่3 2.6%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 55.8% เข็มที่2 39.9% เข็มที่3 2.5%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 54.9% เข็มที่3 0.6%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 16.2% เข็มที่2 12% เข็มที่3 0.2%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 54.5% เข็มที่2 10.4% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 59.1% เข็มที่2 43.4% เข็มที่3 3.4%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 109.5% เข็มที่2 80.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 63.5%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85% เข็มที่2 77.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 69.2%
3. ชลบุรี เข็มที่1 82.9% เข็มที่2 66.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 66.3%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 58.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.4% เข็มที่2 78.9%
5. พังงา เข็มที่1 66.4% เข็มที่2 56.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.8% เข็มที่2 67.4%
6. ระนอง เข็มที่1 64.3% เข็มที่2 53.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.9% เข็มที่2 69.9%
7. กระบี่ เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 39.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 61.1%
8. เชียงใหม่ เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 44% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.5% เข็มที่2 58.5%
9. ระยอง เข็มที่1 61.9% เข็มที่2 46.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.3% เข็มที่2 54.8%
10. เพชรบุรี เข็มที่1 59.7% เข็มที่2 49% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 57.2%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 59.2% เข็มที่2 46.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.1% เข็มที่2 60.8
12. ตราด เข็มที่1 58.3% เข็มที่2 41.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 57.5%
13. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 57.9% เข็มที่2 40.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.2% เข็มที่2 62.6%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 56.2% เข็มที่2 42.2%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.4% เข็มที่2 54.5%
15. เลย เข็มที่1 50.3% เข็มที่2 34% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.9% เข็มที่2 49.4%
16. อุดรธานี เข็มที่1 49.8% เข็มที่2 35.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.5% เข็มที่2 63.2%
17. หนองคาย เข็มที่1 47% เข็มที่2 36.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.6% เข็มที่2 55%
รวม เข็มที่1 79.6% เข็มที่2 59.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.8% เข็มที่2 62.5%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 529,397,861 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 195,693,514 โดส (43.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 81,929,875 โดส (58.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 76,226,116 โดส (64.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 59,473,662 โดส (28.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,184,201 (77.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,713,609 โดส (81.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 20,299,011 โดส (24.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,169,637 โดส (45.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 613,737 โดส (80.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.99%
2. ยุโรป 10.71%
3. อเมริกาเหนือ 9.62%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.27%
5. แอฟริกา 2.78%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,274.07 ล้านโดส (81.2% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1,068.95 ล้านโดส (39.1%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 422,07 ล้านโดส (65.8%)
4. บราซิล จำนวน 275.92 ล้านโดส (65.7%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 195.69 ล้านโดส (43.8%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (113.5%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (101% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (98.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. ชิลี (96.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
5. อุรุกวัย (94.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (93.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (88%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (86.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. สิงคโปร์ (85%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
10. กัมพูชา (81.3%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)