กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จับมือสภาเกษตรกรแห่งชาติ ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรภาคเหนือ จัดสัมมนาชี้ช่องรวยด้วยเอฟทีเอ ภายใต้โครงการ “เพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี ครั้งที่ 3” ให้เกษตรกรเห็นโอกาสทางการค้าจากประเทศที่ทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับไทย เช่น อาเซียน จีน อินเดีย และญี่ปุ่น เป็นต้น สามารถขยายการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปสู่ตลาดโลก พร้อมแนะเกษตรกรยุคใหม่พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล ตรงความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นด้านสุขภาพและความปลอดภัยของอาหาร
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติดำเนินโครงการ “เพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” โดยในปีนี้จะดำเนินการ จำนวน 6 ครั้ง ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อสุขภาพและปลอดภัย (Food Health and Safety) และเพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าไปตลาดโลกด้วยเอฟทีเอที่ไทยมีกับประเทศต่างๆ โดยในปีงบประมาณ 2562 ได้ดำเนินโครงการไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ณ จังหวัดอุดรธานี และครั้งที่ 2 ในเดือนมกราคม 2562 ณ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดี สำหรับครั้งที่ 3 จะดำเนินการในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยการสัมมนาครั้งนี้จะมีการเสวนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ช่องทางรวยของสินค้าเกษตรจากเอฟทีเอ” และ “ทำอย่างไรให้สินค้าเกษตรสู่ตลาดต่างประเทศ” ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จำนวน 80 คน ณ โรงแรมอิมพีเรียล ธารา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งจะเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพในพื้นที่ เช่น กาแฟ ถั่วลายเสือ งาดำ และธัญพืช เป็นต้น รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจและการใช้ประโยชน์จากความตกลงเอฟทีเอ กฎระเบียบทางการค้า มาตรการทางภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี และการเพิ่มมูลค่าสินค้าโดยการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า
นางอรมน เสริมว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ จะให้เกษตรกรและผู้ประกอบการนำสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดแปรรูปจากสินค้าเกษตรมาร่วมด้วย เพื่อเปิดเวทีวิเคราะห์สินค้าโดยผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจด้านต่างๆ รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการตลาดและการส่งออกสินค้าเกษตรไปต่างประเทศ
“กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มั่นใจว่าการผนึกกำลังร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับสินค้าเกษตรของชุมชนให้ได้คุณภาพ และมาตรฐานสากล เพื่อให้สามารถเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดที่ต้องการสินค้าเกษตรคุณภาพและปลอดภัยได้ นอกจากนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังถือเป็นประตูการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนของไทย เช่น เมียนมา” นางอรมน กล่าว
————————————-
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์