อย. เตือน อย่านำผ้าอนามัยมาใช้ประกบกับหน้ากากอนามัย เป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์ อาจเกิดอันตรายจากสารที่เป็นส่วนผสมในผ้าอนามัย ก่อให้เกิดการแพ้ และอาจระคายเคืองทางเดินหายใจได้
นายแพทย์พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้โพสต์บนสื่อโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการนำผ้าอนามัยสูตรเย็นมาประกบกับหน้ากากอนามัย ใช้เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก และให้ความรู้สึกเย็นอีกด้วยนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่าผ้าอนามัย (sanitary pad) มีส่วนประกอบหลัก คือ สารที่มีคุณสมบัติ ดูดซับ, แผ่นฟิล์ม, แถบกาว และอาจผสมสารอื่น ๆ เพื่อเสริมให้ผลิตภัณฑ์น่าใช้ เช่น สี กลิ่น สารให้ความเย็น (menthol) ซึ่งสารเหล่านี้จะต้องสอดคล้อง กับประกาศฯ เกี่ยวกับสารด้านเครื่องสำอาง อย่างไรก็ตาม การนำผ้าอนามัยมาประกบกับหน้ากากอนามัยใช้ปิดจมูกเพื่อกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก เป็นการนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ และอาจเกิดอันตรายจากสารที่เป็นส่วนผสมในผ้าอนามัย เช่น ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจ และสารให้ความเย็น หรือ menthol ที่ช่วยให้รู้สึกเย็นนั้น อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองในบางคนได้ด้วย และที่สำคัญการใช้ผ้าอนามัยสูตรเย็นมาประกบกับหน้ากากอนามัยไม่สามารถป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 ได้มากกว่าการใช้หน้ากากอนามัยธรรมดา
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้แนะนำให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงของตนเองก่อน คนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน มีกิจกรรมที่ต้องใช้แรงกายมาก อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เช่น ตำรวจจราจร มอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนทำงานที่ก่อให้เกิดฝุ่น คนที่มีโรคประจำตัวที่มีความไวต่อฝุ่นละอองขนาดเล็กถือว่ามีความเสี่ยงสูง ควรสวมใส่หน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ เช่น หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน N95 แต่สำหรับประชาชนที่ประเมินตนเองแล้วมีความเสี่ยงต่ำ เช่น มีกิจกรรมที่มิได้ใช้แรงกายมาก อยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกินค่ามาตรฐาน อาจสวมหน้ากากอนามัยธรรมดาได้ สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวที่มีความไวต่อฝุ่นละอองขนาดเล็ก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำตามสภาพของโรค ระดับอาการที่เป็น และวิธีการรักษาที่ได้รับอยู่เดิม
รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ประชาชนไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดวัตถุประสงค์ เช่นในกรณี ที่เกิดขึ้นนี้ เนื่องจากอาจได้รับอันตราย จากสารบางชนิดในผลิตภัณฑ์ได้
**************************************
วันที่เผยแพร่ข่าว 2 กุมภาพันธ์ 2562