วันที่ (28 มกราคม 2562) ที่ห้องประชุมจอมพล ป. พิบูลสงคราม ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดตัวโครงการ “ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน ประจำปี 2562” พร้อมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำให้นักเรียนหรือนักศึกษาในช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงว่างจากการเรียน “ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน”ระหว่างกรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และ สถานประกอบการ 21 แห่ง สานต่อการส่งเสริมการมีงานทำให้นักเรียน นักศึกษา ในช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงว่างจากการเรียนระหว่างภาครัฐและเอกชน เปิดรับสมัครพร้อมกันทั่วประเทศ 1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป
พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยพัฒนาทักษะการเรียนรู้โลกของการทำงาน ทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยเข้าสู่ “ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ได้มุ่งเน้นการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยต้องการให้คนไทยทุกช่วงวัยมีงานทำอย่างถ้วนทั่ว สร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคงแก่ผู้เข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งกระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว โดยจัดโครงการ “ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน” ในปีงบประมาณ 2561 ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนหรือนักศึกษาได้มีงานทำในช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงว่างจากการเรียน ได้รับการเสริมสร้างประสบการณ์ในการทำงานจริง ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม ลดการมั่วสุมและการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด รู้จักความอดทน มีระเบียบวินัย และได้เรียนรู้โลกของอาชีพอันเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานหลังสำเร็จการศึกษาแล้ว รวมทั้งมีรายได้ในระหว่างการเรียน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง โดยมีการดำเนินงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ตามรูปแบบ “ประชารัฐ” และได้รับการตอบรับจากนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างดี มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,163 แห่ง เป็นกรุงเทพมหานคร 124 แห่ง ส่วนภูมิภาค 1,039 แห่ง สามารถส่งเสริมการมีงานทำให้นักเรียนหรือนักศึกษาได้ถึง 35,403 คน จากเป้าหมาย จำนวน 30,000 คน สร้างรายได้จำนวนทั้งสิ้น 458,822,880 บาท สำหรับในปีงบประมาณ 2562 มีเป้าหมายส่งเสริมการมีงานทำให้นักเรียน/นักศึกษา จำนวน 50,000 คน ขณะนี้มีตำแหน่งงานว่างรองรับแล้ว 631 ตำแหน่ง 23,609 อัตรา อาทิ ตำแหน่ง พนักงานทั่วไป พนักงานบริการลูกค้า พนักงานฝ่ายผลิต สถานพนักงานประจำร้าน พนักงานจัดเรียงสินค้า เป็นต้น สถานประกอบการ 1,029 แห่ง งาน“ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน ประจำปี 2562” ในวันนี้เป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่ต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2561 โดยได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำให้นักเรียน/นักศึกษา ในช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงว่างจากการเรียน “ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน” ระหว่าง กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และสถานประกอบการ 21 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท เมเจอร์ซีนิเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด (บาร์บิคิว พลาซ่า) บริษัท บางจากกรีนเนท จำกัด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทย ยามาซากิ จำกัด บริษัท ฟูจิ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เมซโซ่ จำกัดบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) บริษัท แมคไทย จำกัด บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด (ซานตาเฟ้) บริษัท กาโตว์ เฮ้าส์ จำกัด บริษัท บิซิเนสเซอร์วิสเซสอัลไลแอนซ์ จำกัด (อเมซอน คาเฟ่) และบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด
การดำเนินงานเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม โดยกรมการจัดหางานจะให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงาน รับสมัครนักเรียน/นักศึกษาที่ประสงค์จะทำงานและส่งตัวไปสถานประกอบการเพื่อพิจารณาบรรจุงาน และให้คำปรึกษาแก่สถานประกอบการ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะฝึกทักษะระหว่างการเรียนและเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงาน ส่วนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะให้ความรู้ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมทั้งคุ้มครองการทำงานให้เป็นไปตามกฎหมาย ขณะที่สำนักงานประกันสังคมจะคุ้มครองดูแลด้านสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน หน่วยงานทางการศึกษาได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจะประชาสัมพันธ์และจัดเตรียมนักเรียน/นักศึกษาที่ประสงค์จะทำงาน ขณะที่นายจ้าง/สถานประกอบการจะจัดเตรียมตำแหน่งงานและพี่เลี้ยงสอนงาน ด้านภาคีเครือข่ายผู้ปกครองจะสนับสนุนให้นักเรียน/นักศึกษาเข้าร่วมโครงการ สำหรับอัตราค่าจ้างที่นักเรียน/นักศึกษาจะได้รับไม่ต่ำกว่าชั่วโมงละ 40 บาท ระยะเวลาทำงานคือ 1) เปิดภาคเรียนปกติ : วันเรียนปกติ ไม่เกินวันละ 4 ชั่วโมง วันหยุดเรียน วันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่เกินวันละ 6 ชั่วโมง 2) ปิดภาคเรียน : ไม่เกินวันละ 7 ชั่วโมง 3) สัปดาห์ละไม่เกิน 36 ชั่วโมง สำหรับในส่วนของการดูแลปฏิบัติงานนั้น จะมีการจัดหาพี่เลี้ยงในการสอนและมอบหมายงาน รวมทั้งเสริมสร้างวินัยให้แก่นักเรียน นักศึกษา และในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยระหว่างทำงาน นายจ้างยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ขณะที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจะจัดส่งนักเรียน นักศึกษา ฝึกอบรมความรู้เบื้องต้น เช่น การทำงานเป็นทีม มีจิตบริการ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เป็นต้น พร้อมทั้งปฐมนิเทศก่อนส่งตัวเข้าทำงานระหว่างวันที่ 1–8 มีนาคม 2562 นักเรียน นักศึกษาสามารถสมัครได้หลายช่องทางคือ 1. ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) ที่อาคาร 3 ชั้น ด้านหน้ากระทรวงแรงงาน เขตดินแดง กรุงเทพฯ , สำนักงานจัดหางานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 , สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด 2. สถานประกอบการที่รับนักเรียน นักศึกษาเข้าทำงาน 3. เว็ปไซต์ : www.smartjob.doe.go.th 4. สายด่วน 1506 สมัครตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป
รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า โครงการ“ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน ประจำปี 2562” จะส่งผลดีต่อทุกฝ่ายทั้งผู้ปกครอง สถานประกอบการและนักเรียน นักศึกษา กล่าวคือผู้ปกครองจะได้สบายใจว่าบุตรหลานได้ฝึกการทำงาน ไม่ไปเล่นเกมส์ หรือเที่ยวแหล่งอบายมุขช่วงปิดภาคเรียน ขณะเดียวกันสถานประกอบการก็จะไม่ขาดแคลนแรงงาน และได้ทำประโยชน์ต่อสังคม ขณะที่นักเรียน นักศึกษาก็ได้ฝึกความอดทน ระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ เห็นคุณค่าของเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เรียนรู้โลกแห่งการทำงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานจริง สอบถามรายละเอียดได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506