“พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์” โดย นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค

“จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในช่วงต้นปี 2562 นี้ พบผู้ป่วยแล้ว 8,856 ราย เสียชีวิต 1 ราย จังหวัดที่มีอัตราป่วยมากที่สุด คือ เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพมหานคร  โดยจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด  พบว่าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เป็นกลุ่มก้อนจำนวน 9 เหตุการณ์ โดยเกิดในสถานที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น ในจำนวนนี้พบว่ามีถึง 7 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน”

“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงที่ผ่านมา อาจจะทำให้สถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้เพิ่มขึ้นเท่ากับปีที่แล้วได้ และอาจสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง  โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่ติดต่อทางสารคัดหลั่ง เมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม บางส่วนติดต่อทางสารคัดหลั่งที่ติดจากมือแล้วใช้มือสัมผัสกับเยื่อบุตาหรือจมูก หากผู้ป่วยอยู่ร่วมกับคนอื่นโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน หรือใช้มือหยิบจับสิ่งของที่ใช้ร่วมกันและขาดสุขอนามัยในการล้างมือก็จะสามารถแพร่เชื้อได้ ดังนั้น การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อสามารถทำได้โดยควรใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มีอาการไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้อื่นขณะมีอาการไข้หวัด หลีกเลี่ยงการหยิบจับสิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่นและล้างมือเป็นประจำ  สำหรับสถานที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร เรือนจำ ควรมีการคัดกรองผู้ป่วย หากสังเกตพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้ ไอ น้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ ควรแยกผู้ป่วยทันที และให้รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ไม่ใช้ของใช้ส่วนบุคคลร่วมกับผู้อื่น เช่น ช้อน แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว หมั่นทำความสะอาดสิ่งของที่มีการใช้ร่วมกันทุกวัน เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มเปิดปิดไฟ และเตรียมสำรองหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือให้เพียงพอ  กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่าในประชากรกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาทิ โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต โรคที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นต้น ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดโอกาสในการนอนโรงพยาบาล  สอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”

 

*******************************************************

ข้อมูลจาก : ทีม SAT / สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค