พด. ชี้ ! ไถกลบตอซังพืชทำดินดี ช่วยป้องกันปัญหาหมอกควันไฟ

พด. แนะเกษตรกรในพื้นที่ ๙ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ให้เลิกเผาทำลายตอซังพืช ฟางข้าว และเศษวัสดุเหลือใช้ในไร่นา สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมลพิษและปัญหาหมอกควันไฟทำลายคุณภาพดินให้เสื่อมโทรมปลูกพืชได้ผลผลิตที่ไม่คุ้มกับต้นทุน โดยใช้วิธีการไถกลบตอซังพืช ร่วมกับการใช้น้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูงที่ผลิตจาก สารเร่งซุปเปอร์ พด.๒ เพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก

นางสาวเบญจพร ชาครานนท์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า ปัญหาหมอกและควันจากการเกิดไฟป่า และจากการเผาเศษวัสดุทางการเกษตรก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซากเป็นประจำทุกปีในพื้นที่ ๙ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน และตาก โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงพฤษภาคมของปีถัดไป จะมีสภาพหมอกควันปกคลุมหนาแน่นเป็นบริเวณกว้างและพบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐาน สาเหตุหลักเกิดจากเผาขยะเศษวัสดุเหลือใช้ในไร่นาและการเผาป่าไม้เพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตร ทำให้คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัยของประชาชน และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้ลดทัศนวิสัยการมองเห็น ทำให้เกิดอุบัติเหตุอันตรายบนท้องถนน โดยในปี ๒๕๖๑ กรมพัฒนาที่ดินได้บูรณาการทำงานร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ ดำเนินโครงการส่งเสริมการไถกลบตอซังพืชและการผลิตปุ๋ยอินทรีย์       เพื่อป้องกันปัญหาหมอกควันในพื้นที่เกษตรกรรมภาคเหนือ โดยใช้ดาวเทียม Terra และ Aqua ระบบ MODIS ติดตามจุดความร้อนที่เกิดขึ้น และนำแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินมาซ้อนทับเพื่อจำแนกเขตพื้นที่เกษตร ป่าไม้ และอื่นๆ พบว่า ช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ปี ๒๕๖๐ มีปริมาณจุดความร้อนที่เกิดขึ้นทั่วประเทศจำนวน ๑๕,๙๔๙ จุด หลังจากดำเนินการโครงการในปี ๒๕๖๑ ปริมาณจุดความร้อนลดลงเหลือ ๑๔,๕๖๔ จุด นอกจากนี้ยังพบว่าในพื้นที่ ๙ จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน และตาก มีปริมาณจุดความร้อนลดลงอีกด้วย โดยในปี ๒๕๖๐ พบจำนวนจุดความร้อน ๕,๓๙๗ จุด ลดลงเหลือ ๔,๗๒๑ จุด ในปี ๒๕๖๑ ทั้งนี้เนื่องมาจากการดำเนินงานของภาครัฐและประชาชน   ที่ให้ความร่วมมือกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว

อธิบดีเบญจพร กล่าวอีกว่า กรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ส่งเสริมให้เกษตรกรลด ละ เลิก การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร จึงมีมาตรการในการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ การเกิดไฟป่าและการเผาวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าหากสามารถทราบถึงจุดพื้นที่ที่อ่อนไหวต่อการเผาเศษพืชเศษวัสดุทางการเกษตรจะทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถที่จะทำการรณรงค์ ส่งเสริม ลด ละ เลิก การเผา และแนะนำการบริหารจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรให้เข้าถึงเกษตรกรได้อย่างถูกต้องตรงกับพื้นที่เป้าหมาย จึงได้จัดทำ “โครงการส่งเสริมการไถกลบและการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อป้องกันหมอกและควันไฟในพื้นที่ภาคเหนือ” ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๑ – เดือนกันยายน ๒๕๖๒ โดยให้สถานีพัฒนาที่ดินทั้ง ๙ จังหวัดภาคเหนือ ร่วมกับหมอดินอาสาประจำหมู่บ้านต่างๆ ในชุมชน เร่งรณรงค์ให้ความรู้แก่เกษตรกรถึงผลเสียของการเผาตอซังพืชและผลดีที่จะได้รับ เช่น  ถ้าไม่เผาเลยจะช่วยลดปัญหาหมอกควันได้อย่างดี ไม่เป็นการทำลายโครงสร้างของดิน ให้ใช้วิธีไถกลบลงในดินแทนเพื่อเป็นปุ๋ยบำรุงคุณภาพดินให้ดี  ซึ่งการไถกลบ ตอซังข้าว ข้าวโพด ซังอ้อย และตอซังพืชต่างๆ ในพื้นที่ ๑ ไร่ จะเป็นเพิ่มธาตุอาหารลงดิน ได้แก่ ธาตุไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแตสเซียม (K) คิดเป็น มูลค่า ๙๐๐ บาท/ไร่ จะทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ และขอความร่วมมือจากประชาชนให้เลิกพฤติกรรมการเผาเศษไม้ ใบไม้ เศษหญ้า วัชพืชในพื้นที่โล่งเตียนและไม่จุดไฟเผาป่า พร้อมทั้งให้การสนับสนุนเกษตรกรในการทำปุ๋ยหมักคุณภาพสูง สูตรพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.๑ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกษตรกรนำใช้ในพื้นที่ปลูกข้าว  ข้าวโพด และอ้อย  พื้นที่เป้าหมาย ๑๐๐,๐๐๐ ไร่ ทั้งนี้เพื่อให้มีความรู้ความสามารถที่จะบริหารจัดการเศษวัสดุตามหลักวิชาการในพื้นที่ของตนเอง  และให้ปรับเปลี่ยนความคิดตลอดจนวิธีการทำเกษตรกรรมจากเดิมที่เป็นการเผาทำลายทิ้ง ให้เป็นการใช้วิธี  ไถกลบแทนโดยนำมาผลิตเป็นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นการทำเองใช้เองเพื่อช่วยลดต้นทุนในการปรับปรุง   บำรุงดินให้มีคุณภาพที่ดี  ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดจุดความร้อน (Hotspot) มิให้เพิ่มขึ้นและช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมทางอากาศ ที่ทำให้เกิดภาวะก๊าซเรือนกระจกสาเหตุที่ทำให้โลกร้อน เพื่อให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไป จะได้รับผลกระทบด้านสุขภาพน้อยลง ที่สำคัญยังช่วยในการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและน้ำเพื่อความยั่งยืนได้เป็นอย่างดี