พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจังหวัดมหาสารคาม ให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ชื่นชมคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอและเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุข ขับเคลื่อนจังหวัดไอโอดีน มุ่งสู่เด็กตักศิลา 4.0 (Smart Kids Takasila 4.0)
วันที่ (23 มกราคม 2562) ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเมืองเตา อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเขตสุขภาพที่ 7 โดยให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อมอบนโยบายและติดตามการดำเนินงานการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับอำเภอ ซึ่งรัฐบาลมุ่งเน้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยประชาชนเป็นศูนย์กลาง ร่วมกันพัฒนาและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อให้บุคคล สังคมและชุมชน มีสุขภาวะที่ดี โดยมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) เป็นกลไกในการขับเคลื่อน และพชอ.ทั้ง 13 อำเภอ ร่วมกันแก้ไขปัญหาตามวาระจังหวัด ที่กำหนดให้ จ.มหาสารคาม เป็นจังหวัดไอโอดีนยั่งยืนมุ่งสู่เด็กตักศิลา 4.0 (Smart Kids Takasila 4.0) เพื่อแก้ปัญหาการขาดสารไอโอดีนของทุกกลุ่มวัย
ซึ่งการดำเนินงานป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน ของจังหวัดมหาสารคาม ได้มีการกำหนดเป้าหมายการลดภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในเด็กแรกเกิด ลดการพัฒนาการล่าช้าในเด็กปฐมวัย ให้หญิงวัยเจริญพันธ์ และหญิงตั้งครรภ์ บริโภคเกลือเสริมไอโอดีนแทนการบริโภคเกลือสินเธาว์ ที่ไม่ได้เสริมไอโอดีน ผลการดำเนินงานพบว่า พัฒนาการเด็ก 0-5 ปี สมวัย ร้อยละ 97 ทั้งนี้ จังหวัดมหาสารคาม สามารถผลิตเกลือเสริมไอโอดีนที่มีคุณภาพได้ 10 ตัน มีแหล่งผลิตเกลือไอโอดีนที่ได้มาตรฐาน 39 แห่ง ชุมชนหมู่บ้านมีกองทุนเกลือไอโอดีน ร้อยละ 100 มีการกระจายอย่างครอบคลุม ส่งเสริมให้ประชาชนเลือกบริโภค
พลเอก ฉัตรชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ โดยการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต.ติดดาว ซึ่งมีเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ได้รับการพัฒนาเป็น อสม.4.0 ตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อให้ อสม.มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Skill) เพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพ ความมีจิตอาสา สร้างการเปลี่ยนแปลงด้าน สุขภาพ เป็นแบบอย่างให้กับประชาชน ส่งผลต่อการทำงานด้านสาธารณสุขเชิงรุก รัฐบาลจึงได้มอบให้กระทรวง สาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง ดำเนินการพัฒนาระบบบริการเบิกจ่ายค่าป่วยการของ อสม. ผ่านระบบ e-Payment โดยใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ (Smart card) ให้มีความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น จาก 600 บาท เป็นคนละ 1,000 บาท/เดือน เป็นการสร้างขวัญกำลังให้ อสม.ซึ่งเป็นผู้มีจิตอาสาในการช่วยเหลือดูแลด้านสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่
“ขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วนร่วมเข้ามาทำงานด้วยจิตอาสา ดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ” พลเอก ฉัตรชัย กล่าว