กระทรวงพาณิชย์จัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วม (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง เพื่อรับมอบเงินงบประมาณจากจีนกว่า 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือกับสถาบันแม่โขง เพื่อขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (18 เมษายน 2561) ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม MOU ว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง ระหว่างนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อรับมอบเงินงบประมาณ 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการทางด้านเศรษฐกิจระหว่าง CLMVT และจีน ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงพาณิชย์เสนอจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามพรมแดน โดยนำแนวคิดการทำโมเดลเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตการค้าเสรี เช่น เขตการค้าเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Pilot Trade Zone) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจของจีนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และมีภูมิประเทศใกล้เคียงกับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมาเป็นต้นแบบ รวมถึงการจัดทำระบบข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจนการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันเสนอแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการและส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งโครงการดังกล่าวนอกจากจะช่วยกระตุ้นการค้าและการลงทุนในอนุภูมิภาคแล้ว ยังมุ่งส่งเสริมการลงทุนจากประเทศนอกอนุภูมิภาคด้วย สำหรับโครงการพัฒนาการอำนวยความสะดวกตามแนวชายแดน เป็นอีกโครงการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสอดคล้องของระบบการจัดการตามแนวชายแดน เช่น พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งจะช่วยให้การปล่อยสินค้ามีความคล่องตัว และการบริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดกิจกรรมเวทีภาคธุรกิจแม่โขง – ล้านช้าง เพื่อสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการแม่โขง – ล้านช้าง โดยจะจัดกิจกรรมต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี อาทิ การจัดงานแสดงสินค้า การจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ การนำคณะนักธุรกิจเยือนประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งมั่นใจว่าผู้ประกอบการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีกว่าร้อยละ 99 ของธุรกิจในอนุภูมิภาคจะสามารถสร้างเครือข่ายเพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยี และเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจในอนุภูมิภาคได้ สำหรับโครงการสุดท้าย คือ โครงการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในเขตชนบท ประกอบด้วยการฝึกอบรมในเบื้องต้น และให้นำแผนปฏิบัติการไปปฏิบัติจริงในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งจะช่วยให้ SMEs ในชนบทเข้าถึงตลาดการค้าในระดับประเทศและระดับสากล โดยในอนาคตจะได้มีการสร้างโมเดลธุรกิจในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในเขตชนบท เพื่อยกระดับความเป็นอยู่อย่างยั่งยืนของชาวชนบทในอนุภูมิภาคอีกด้วย
นอกจากนี้ ในพิธีดังกล่าวยังมีการลงนาม MOU ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Mekong Institute) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ผ่านเครือข่ายความร่วมมือทั้งระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้ง 4 โครงการของกองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง และในการดำเนินงานต่อไป จะมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจากไทย และประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมด้วย
ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งลดช่องว่างทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขง
โดยกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักของคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายการค้าให้ถึง 250 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 โดยในปี 2560 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศสมาชิก MLC 6 ประเทศ มีมูลค่ารวมกว่า 220 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโตจากปี 2559 ถึงร้อยละ 16 ในขณะที่ไทยมีมูลค่าการค้ารวมกับประเทศสมาชิก MLC (5 ประเทศ) 109.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีมูลค่าการค้ากับจีน 73.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีมูลค่าการค้ากับ CLMV 35.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ