รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) (ในรูปแบบOnlne)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) (ในรูปแบบOnlne) ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนางานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ประจำปีบัญชี 2564 

วันที่ 19 สิงหาคม 2564  นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนางานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ประจำปีบัญชี 2564 พร้อมด้วยดร.วิมลลักษณ์  ชูชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเป็นสักขีพยาน ทั้งนี้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบOnline ผ่านโปรแกรมGoogle Meet โดยหลังจากนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน จะมีการนำเสนอประวัติความเป็นมาของแต่ละองค์กร ก่อนทำการลงนาม เมื่อแล้วเสร็จจะยกสมุดลงนามขึ้นโชว์ต่อหน้าจอภาพแทนการถ่ายภาพที่ระลึกการลงนามบันทึกข้อตกลง ระหว่าง กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม โดยนายปรารพ เหล่าวานิช ประธานกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พร้อมด้วย

เครือข่ายศิลปินทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่

1) สมาคมหอสมุดนิลเซนเฮส์ โดย นางสาวนลิน วนาสิน นายกสมาคม

2) สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย โดย นางนวลลออ ปิ่นทอง นายกสมาคม

3) หอศิลป์ Paretas Art Club โดย ผศ. ปริทรรศ หุตางกูร

4) เฮือนศิลป์ ใจ๋ย๋อง โดย รองศาสตราจารย์ลิปิกร มาแก้ว

5) กลุ่มบ้านศิลปินหัวหิน โดย นายทวี  เกษางาม

6) กลุ่ม Megim Studio โดย นางปณิตา ปุโรทกานท์

7) กลุ่มจิตรกรไทย โดย นางสาวจินตนา  เปี่ยมศิริ

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า งานด้านศิลปวัฒนธรรมเป็นงานที่มีความละเอียดอ่อน จำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ ประสบการณ์ และใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องยาวนาน สิ่งที่ทำให้ขับเคลื่อนการดำเนินงานประสบผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เครือข่ายพันธมิตรทั้งหลาย ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา สภาวัฒนธรรม กลุ่มศิลปิน และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนชุมชนที่ให้ความร่วมมือเป็นกำลังสำคัญในพื้นที่ ตลอดจนประสานงานเพื่อมุ่งเน้นเป้าหมายร่วมกันในการดำเนินงานทางวัฒนธรรม ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการพัฒนาประเทศ และนำศิลปวัฒนธรรมไปสร้างคุณค่าทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ และขอขอบคุณกลุ่มศิลปินทั้ง 7 หน่วยงานตลอดจนเครืออข่าย ที่ให้ความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนางานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยในครั้งนี้

ด้าน นายปรารพ เหล่าวานิช ประธานกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย กล่าวว่า “นับตั้งแต่ปี 2561 – 2563 กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมพัฒนางานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 7 หน่วยงาน สำหรับบันทึกความร่วมมือในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมดำเนินการด้านงานศิลปะร่วมสมัยที่ส่งผลให้ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยได้รับการดูแล ส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอยู่เสมอและต่อเนื่อง โดยมีกรอบความร่วมมือในการส่งเสริม สนับสนุนและเผยแพร่กิจกรรมสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย แลกเปลี่ยนและเสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเพื่อเพิ่มพูนภูมิปัญญาและต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม ตลอดจนร่วมกันดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ ให้เกิดประโยชน์และประยุกต์ใช้ในสังคม โดยในครั้งนี้เป็นลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ระหว่างกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย กับเครือข่ายพันธมิตร เพิ่มขึ้นจำนวน 7 แห่ง ได้แก่หอสมุดนิลเซนเฮส์ ,สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย, หอศิลป์ Paretas Art Club,เฮือนศิลป์ ใจ๋ย๋อง,กลุ่มบ้านศิลปินหัวหิน,กลุ่ม Megim Studio,กลุ่มจิตรกรไทย โดยกำหนดเวลาดำเนินการมะยะเวลา 3 ปี ในการขยายความร่วมมือระหว่างกองทุนกับเครือข่ายพันธมิตรในการสร้างสรรค์พัฒนาโครงการศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติต่อไป ”

ดร.วิลักษณ์  ชูชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย กล่าวว่า “นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีท่ามกลาง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-1๙ ที่ทุกภาคส่วนเล็งเห็นถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย โดยนำความคิดสร้างสรรค์มาใช้เพื่อก่อให้เกิดโครงการอันเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลแก่สังคมและประเทศชาติในอนาคต ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าพลังแห่งความสร้างสรรค์ในงานศิลปะเหล่านี้ มีส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างกำลังใจให้เข้มแข็งและส่งต่อไปยังโครงการที่จะเกิดขึ้นทั้งในรูปแบบออนไลน์ และกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมากมาย

//////////////////////////////////////////