กรมพัฒน์ฯ ลุยต่อ…หลังครม.ไฟเขียวเชื่อมฐานข้อมูลใบหน้าบุคคลผ่านออนไลน์ ช่วย Double Check ความแม่นยำให้ข้อมูล เอื้อประโยชน์ประชาชนเต็มๆ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ไฟเขียวจากครม.เปิดทางเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากกรมการปกครอง สำหรับนำมาใช้ประกอบการพิจารณางานจดทะเบียนธุรกิจเพื่อสร้างฐานข้อมูลนิติบุคคลที่แม่นยำ ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เชิงลึก ช่วยให้ภาคเอกชน ประชาชน และหน่วยงานรัฐที่เชื่อมต่อข้อมูล มั่นใจในการนำฐานข้อมูลนิติบุคคลจากกรมฯ ไปใช้                    ในการลงทุนทางธุรกิจหรือประกอบการพิจารณาด้านต่างๆ ทั้งนี้ กรมฯ พร้อมเดินหน้าประสานงานเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลภาพใบหน้าให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไป

                นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อนำมาใช้ประกอบการให้บริการจดทะเบียนธุรกิจและตรวจสอบ  ความถูกต้อง โดยการใช้ข้อมูลดังกล่าวจะอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า   ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านจดทะเบียนนิติบุคคลและการให้บริการข้อมูลนิติบุคคลแก่ประชาชนทั่วไป

อธิบดี กล่าวต่อว่า “การเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์อย่างมากในการตรวจสอบและยืนยันความมีตัวตนของบุคคลเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมของนิติบุคคลผ่านทางระบบออนไลน์ กรมฯ จึงได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับข้อมูลการรับจดทะเบียนที่ต้องมีความถูกต้อง แม่นยำ ควบคู่กับระบบการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของบุคคลไปพร้อมกันซึ่งเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล”

“ดังนั้นการเชื่อมโยงภาพใบหน้าจากฐานข้อมูลของกรมการปกครอง จะทำให้ ‘ขั้นตอนการยืนยันตัวตน   มีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นและการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นแบบเชิงลึกมากขึ้น’ สะท้อนถึงประโยชน์ที่จะส่งต่อไปยังหลายภาคส่วนได้แก่ ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป เพิ่มความมั่นใจในการนำฐานข้อมูลนิติบุคคลจากกรมฯ ไปใช้ในการลงทุนทางธุรกิจ อาทิ ตรวจสอบการมีตัวตนของกรรมการ/นิติบุคคล การหาคู่ค้าเพื่อร่วมลงทุน การวิเคราะห์แนวโน้มทางธุรกิจ เป็นต้น และยังมีหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่ได้เชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลของกรมฯ ก็จะสามารถนำข้อมูลนิติบุคคลไปใช้สนับสนุนในการปฏิบัติงานที่มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น อาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ นอกจากนี้ ยังช่วย ‘ตัดปัญหาการแจ้งข้อมูลเท็จหรือการฉ้อฉลในการจดทะเบียน’ ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งและปัญหาการฟ้องร้องทางธุรกิจได้ มากไปกว่านั้นยังเป็นประโยชน์ต่อการกำกับดูแลและตรวจสอบ  นิติบุคคล  ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง อาทิ การตรวจสอบนิติบุคคลไทยที่อาจมีการถือหุ้นแทน (นอมินี)”

อธิบดี กล่าวทิ้งท้าย “สำหรับแนวทางการดำเนินงานต่อไปภายหลังจากที่ครม.มีมติเห็นชอบ กรมฯ จะมีหนังสือ ถึงกรมการปกครอง โดยแนบหนังสือแจ้งมติคณะรัฐมนตรีจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการประสาน  การเชื่อมโยงและหารือทางข้อเทคนิคต่อไป”

********************************

ที่มา : กองทะเบียนธุรกิจ