กรุงเทพฯ (7 มกราคม 2562) – กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย นำโดย นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร (ขวา) กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย และนายวรพจน์
พรประภา (ซ้าย) กรรมการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย มอบเงินจำนวน 3 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุวาตภัยจากพายุโซนร้อนปาบึกในพื้นที่ 18 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 212,784 ครัวเรือน ในงาน “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารปฏิบัติการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562
กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย เกิดจากการผนึกกำลังของกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด โดยการสมทบทุนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮอนด้าเข้าเป็นกองทุนฉุกเฉินเพื่อใช้ในกิจกรรมบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวไทยในยามต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วม ดินถล่ม ภัยหนาว ภัยแล้ง ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ที่ดำเนินงานภายใต้กองทุนฮอนด้าฯ ได้อย่างทันท่วงที และสร้างประโยชน์สุขให้กับคนไทยดังเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการสร้างสรรค์คุณค่าเพื่อเป็นองค์กรที่สังคมไทยต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไป
เกี่ยวกับกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย
กลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 เพื่อเตรียมความพร้อมในการมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับประชาชนไทยในยามที่ประเทศไทยอาจเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ แผ่นดินไหว ดินถล่ม ภัยหนาว ภัยแล้ง น้ำท่วม ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ที่ดำเนินงานภายใต้กองทุนดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที โดยมอบเงินสมทบ 1,000 บาทต่อการขายรถยนต์ 1 คัน 100 บาทต่อการขายรถจักรยานยนต์ 1 คัน และ 10 บาทต่อการขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 1 เครื่อง ทั้งนี้กองทุนฯ ได้กำหนดภารกิจในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านเงินทุน 2) ด้านวัสดุอุปกรณ์ 3) ด้านการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และ 4) ด้านการส่งเสริมความรู้ในการรับมือภัยพิบัติ โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีของการดำเนินการ “กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย” ได้มีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ 37 จังหวัด รวมจำนวนเงินกว่า 250 ล้านบาท
———————————————–