“โอ้ทะเลแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส มองเห็นเรือใบ แล่นอยู่ในทะเล” เมื่อหัวใจมันเรียกร้องกลิ่นอาย ของทะเลขนาดนั้นอย่ารอช้าแพ็คกระเป๋าสัมภาระไปทะเลกันดีกว่าวินาทีนั้นใจก็คิดถึง…เกาะสมุย เกาะที่คราคร่ำไปด้วยชาวต่างชาติ
ใช่แล้ว….เปลี่ยนบรรยากาศบ้างดีกว่า เกาะสมุย “สวรรค์กลางอ่าวไทย” เกาะสมุยห่างจากจังหวัดสุราษฏร์ธานีไปทางทิศตะวันออกประมาณ 84 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 247 ตารางกิโลเมตร ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม คลื่นลมสงบเหมาะเป็นอย่างมากที่จะไปเที่ยวพักผ่อน เกาะสมุยมีหาดทรายขาวสะอาด ต้นมะพร้าวมากมายสมชื่อเกาะจริง ๆ การเดินทางไปเกาะสมุยสะดวกสบาย หลายวิธี หากไปรถยนต์ส่วนตัว หรือรถทัวร์ก็มุ่งหน้าไปที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี ตรงไปที่ท่าเรือดอนสัก เพื่อลงเรือเฟอร์รี่ที่นั่น ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง เรือเฟอร์รี่ก็ถึงเกาะสมุย
หากเดินทางด้วยเครื่องบิน เกาะสมุยก็มีสนามบินรองรับ แต่มี 2 สายการบินเท่านั้นที่มาลงที่นี่คือ บางกอกแอร์เวย์ และการบินไทยแต่ราคาก็ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวสำหรับใครที่ต้องการประหยัดค่าเดินทาง แนะนำให้นั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินสุราษฏร์ธานี แล้วต่อรถจากสนามบินมาที่ท่าเรือดอนสัก เพื่อลงเรือเฟอร์รี่ต่อไปเกาะสมุยก็ได้เช่นกัน
แต่ทริปนี้…บินตรงคงไม่ไหว ขอเดินทางแบบประหยัด ๆ เลือกนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินสุราษฏร์ธานีน่าจะดีกว่า เราออกเดินทางแต่เช้าด้วยสายการบิน Air Asia โดยจองตั๋วกับสายการบินแบบเชื่อมต่อไปเกาะสมุยได้เลย เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับการวิ่งไปซื้อตั๋วรถ ตั๋วเรือให้วุ่นวาย…เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สุราษฏร์ธานี ก็มีรถมารอรับเพื่อเดิน ทางไปท่าเรือดอนสัก และลงเรือต่อไปเกาะสมยุในทันที วิธีนี้อาจใช้เวลามากกว่าการบินตรง แต่เมื่อคิดจะเที่ยวแล้วเราก็ไปแบบเรื่อย ๆ ประสบการณ์ไม่ได้อยู่ที่ปลายทางเสมอไประหว่างทางต่างหากล่ะที่สร้างประสบการณ์ให้เราได้มากกว่า
เมื่อเรือมาถึงท่าเรือนาทอน เกาะสมุย เราก็ตรงไปที่โรงแรมก่อนเลย…ครั้งนี้เลือกพักที่หาดละไม หาดที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับ 2 รองจากหาดเฉวง โดยเฉพาะ Night Life และที่สำคัญหาดละไมนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยของโค้งอ่าว มีต้นมะพร้าวปลูกเป็นแนวยาว ระยะทางจากท่าเรือนาทอนไปหาดละไมก็ใช้เวลาพอสมควร แต่เราเลือกใช้บริการรถรับส่งจากโรงแรมที่พัก ก็ถือว่าสะดวกสบายมากกับการเดินทางในทริปนี้
แต่กว่าจะตัดสินใจเลือกโรงแรมได้ก็ใช้เวลาหาข้อมูลอยู่นานเนื่องจากเกาะสมุยมีโรงแรมที่พักเป็นจำนวนมาก การค้นหาที่พักของเรามาสะดุดที่ โรงแรมละไมวันทา บีช รีสอร์ท ที่หาดละไม ข้อมูลที่ปรากฏบอกว่าเป็นโรงแรมขนาด 76 ห้อง มีทั้งแบบตึก 3 ชั้น และแบบบ้านพักเป็นหลัง ๆ แบบส่วนตัวหรือที่เรียกว่า Villa ดูราคาก็ไม่แพงจนเกินไป และด้วยทำเลที่ตั้ง ประกอบกับความเป็นโรงแรมประเภท Green Hotel ซึ่งตรงกับใจที่ชอบโรงแรมสไตล์นี้อยู่แล้ว ยิ่งเมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมลู เพิ่มเติมกับพนักงานที่โรงแรม ยิ่งสร้างความประทับใจให้เรามากยิ่งขึ้น พนักงานที่นี่พูดจาน่ารักและให้ข้อมูลครบถ้วนตามที่ถามไป…ว่าแล้วก็ตัดสินใจจองห้องพักที่โรงแรมนี้เลย
กว่าจะถึงโรงแรมที่พัก…ละไมวันทา บีช รีสอร์ท ก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว อากาศวันนี้ดีมาก ท้องฟ้าแจ่มใสโรงแรมอยู่ติดหาดละไม มีชายหาดส่วนตัว เหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก เท่าที่เห็นโรงแรมสวยกว่าที่คิดไว้บรรยากาศดูเป็นธรรมชาติ เดินอยู่ในบริเวณโรงแรมเหมือนเดินอยู่ในสวน ได้ยินเสียงนกเล็ก ๆ ร้องตลอดเวลาวันนี้เราใช้พลังงานกับการเดินทางค่อนข้างเยอะ วันแรกบนเกาะสมุยขอนอนพักร่างอยู่ที่โรงแรมก่อนดีกว่า ว่าแล้วก็คว้าหนังสือที่อ่านค้างอยู่แล้วไปนอนเล่นที่สระว่ายน้ำของโรงแรมซึ่งอยู่ติดกับชายหาด พักสายตากับหนังสือและนักท่องเที่ยวที่เคลื่อนไหวไปมา…ชาร์จพลังงานเตรียมพร้อมสำหรับการออกเที่ยวบนเกาะสมุยในวันพรุ่งนี้
ตื่นเช้ามากับความสดชื่นของท้องฟ้าสีคราม ทะเลสีน้ำเงินที่หาดละไม สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กับความรู้สึกโปร่งโล่งสบายกับอากาศริมทะเล จัดการกับอาหารมื้อเช้าเสร็จแล้วก็ออกเดินทางท่องเที่ยวเลย เพราะมีเวลาแค่ 2 วันเท่านั้นกับทริปนี้มองตารางชีวิตของตัวเองแล้ว วันนี้คิวเที่ยวช่างยาวเหยียดตั้งแต่เช้าจรดเย็น…เมื่อมีเวลาไม่มากจึงเลือกที่จะออกจากโรงแรมแต่เช้าสอบถามกับพนักงานโรงแรมเกี่ยวกับการไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆพนักงานแนะนำให้เช่ามอเตอร์ไซค์ซึ่งสะดวกสบายและราคาไม่แพงจึงตัดสินใจให้โรงแรมจัดการจองรถให้ ร้านให้เช่านำรถมาส่งให้ถึงโรงแรม ว้าว…สะดวกสบายยิ่งนัก ค่าเช่าวันละ 250 บาท ใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชนเป็นหลักฐานในการเช่าเท่านั้น
พอได้รับรถมาเป็นพาหนะ การท่องเที่ยวของเราก็เริ่มขึ้น…เริ่มจากแหล่งท่องเที่ยวหลักของที่นี่ซึ่งเรียกว่าเป็นแลนด์มาร์กเลยก็ว่าได้ ใครมาสมุยแล้วไม่มาที่นี่ถือว่าพลาดมาก หินตาหินยายอยู่ห่างจากโรงแรม ละไม วันทา บีช รีสอร์ท ที่เราพักประมาณ 1.5 กิโลเมตร หินตาหินยาย มาจากตำนานรักของสองตายายจนกลายเป็นก้อนหินริมทะเลหาดละไมอันเลื่องชื่อหินตาขึ้นไปค่อนข้างยากนิดนึงเพราะต้องปีนหินขึ้นไป ไม่ได้ยืนดูง่าย ๆ นะบอกเลยและถ้าใครมาที่นี่ อย่าลืมแวะชิม กาละแม ที่ขายอยู่บริเวณนั้นด้วย เพราะถ้ามีโอกาสมาเที่ยวสมุยแล้ว นอกจากเล่นน้ำทะเลถ่ายรูปกับต้นมะพร้าว เที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ แล้ว อีกอย่างที่พลาดไม่ได้ก็กาละแมสมุยนี่ล่ะ รสชาติเลื่องลือ ขึ้นชื่อจริง ๆเมื่อมีเวลาไม่มาก จุดชมวิวหลักของเกาะคงเป็นจุดที่ดีที่สุดเพื่อมองทัศนียภาพรอบ ๆ เกาะสมุย ประหนึ่งว่ายืนอยู่ที่เดียวแต่มองเห็นเกาะเกือบทั้งเกาะเลยทีเดียว จุดชมวิวลาดเกาะ เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดบนเกาะสมุย อย่รู ะหว่างหาดเฉวงและหาดละไม อย่บู นภูเขาสูงวันนี้อากาศดีมาก จากจุดชมวิวมองเห็นท้องฟ้าสีครามกับน้ำทะเลสีเขียวชัดเจน สำหรับจุดนี้มีทางเดินลงไปด้านล่างด้วย หากใครไปเกาะสมุยแล้วต้องการลงไปชมวิวแบบใกล้ชิดทะเลจุดนี้แนะนำเลยและเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง หากมาถึงเกาะสมุยแล้วขอเชิญไปไหว้พระ วัดพระใหญ่ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเกาะสมุยและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2515 ประดับด้วยกระเบื้องสีเหลืองทองทั้งองค์ ความโดดเด่นอยู่ที่พระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาของเกาะฟาน ทางขึ้นเป็นบันไดพญานาคสีเขียวมรกต และหากขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้วจะมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของหาดบางรัก หาดบ่อผุด และเกาะพะงัน
อีกด้วย บริเวณด้านล่างจะมีร้านอาหารและร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึกและของพื้นเมืองมากมายนอกจากวัดพระใหญ่แล้ว สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นปูชนียสถานสำคัญของเกาะสมุยคือ เจดีย์วัดแหลมสอ เป็นเจดีย์ศิลปะสมัยศรีวิชัยตั้งอยู่ริมทะเล องค์พระเจดีย์ประดับด้วยกระเบื้องสีทองทั้งองค์ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เจดีย์นี้สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อแดง ติสโส ถือเป็นพระภิกษุที่ชาวเกาะสมุยให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ที่ตั้งของวัดจะอยู่ทางใต้สุดของเกาะเลย สภาพทะเลบริเวณนี้เป็นหินก้อนใหญ่ ๆ ถ้าจะลงไปอาจลำบากนิดนึงแต่จุดนี้บรรยากาศดีมาก วัดนี้เป็นวัดแห่งเดียวที่ตั้งอยู่บนชายหาดริมทะเลของเกาะสมุย วันแรกบนเกาะสมุยผ่านไปด้วยความรวดเร็ว กว่าจะกลับถึงโรงแรมก็เย็นมากแล้ว หลังจากส่งคืนมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาเรียบร้อยเราออกมาเดินเล่นบริเวณถนนหน้าโรงแรม ซึ่งไม่ไกลมากนัก มีร้านกึ่งผับกึ่งร้านอาหารเล็กๆ จำนวนมาก ยามค่?ำคืนที่นี่คราคร่?ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่นั่งดื่มนั่งกินอยู่ในบริเวณนั้น… เดินเล่นสักพักก็กลับที่พักเตรียมชาร์จพลังสำหรับวันต่อไป
2 คืนผ่านไปไวเหมือนโกหก ตื่นขึ้นมากับวันใหม่เพราะได้ยินเสียงนกร้องยามเช้าบริเวณสวนหน้าห้องพัก โลกแห่งความจริงกำลังคืบคลานเข้ามา…ความสุขกำลังจะหมดไป เราเริ่มแพ็คกระเป๋าอีกครั้งแต่ความรู้สึกต่างกับการแพ็คกระเป๋า รอบแรกอย่างสิ้นเชิงวันนี้ยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เราเลือกที่จะปิดท้ายทริปนี้ด้วยการไปไหว้เสด็จเตี่ยองค์บิดาของทหารเรือไทย พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์ พระองค์ทรงเป็นผู้ก่อตั้งกองทัพเรือไทยและพระองค์ยังทรงนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติ จนทำให้กองทัพเรือไทยทัดเทียมอารยประเทศจนถึงทุกวันนี้ พระอนุสาวรีย์ปั้นแบบพระรูป หล่อโดยช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร อยู่ที่บริเวณสถานีเรือสมุย บริเวณแหลมโจรคร่ำ ไหว้เสด็จเตี่ยเสร็จแล้วยังมีโอกาสแวะอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านที่นำมาขายบริเวณนั้น เป็นของฝากก่อนกลับกรุงเทพฯ
ตักตวงความสุขมาอย่างเต็มที่ ชาร์จพลังมาเต็มพิกัดก็พร้อมแล้วกับงานที่รออยู่ข้างหน้าขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ กลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงแน่นอนค่ะ…เราจะกลับมาอีกในไม่ช้า ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายที่เกาะสมุย…ที่รอให้เราไปสัมผัส