เอไอเอส ย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลส่งเสริมงานสาธารณสุขเชิงรุก นำแอปฯอสม.ออนไลน์เครือข่ายสังคมออนไลน์ไปใช้ในการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม.โดยส่งเสริมให้มีความรู้ความสามารถในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลดูแลสุขภาพคนในชุมชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน พร้อมประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลในโครงการ “ประกวดการใช้งานแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ ปีที่ 2” เพื่อกระตุ้นให้เจ้าหน้าสาธารณสุข และอสม.ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 อย่างแท้จริง
นางวิไล เคียงประดู่ หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือเอไอเอส กล่าวว่า บริษัทฯในฐานะเป็นผู้ให้บริการดิจิทัล ไลฟ์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ มีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปสนับสนุนการทำงานของภาครัฐในทุกภาคส่วน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Digital For Thais” โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสาธารณสุข เอไอเอสได้พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสังคมไทย ผ่านแอปพลิเคชัน “อสม.ออนไลน์” เครือข่ายสังคมออนไลน์เฉพาะกลุ่มการทำงานสาธารณสุขเพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารที่เข้าไปช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานด้านสาธารณสุขชุมชนเชิงรุก โดยการส่งเสริมให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพของคนในชุมชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว
ตลอดระยะเวลา 3 ปีได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และ อสม. ที่ได้นำแอปฯอสม.ออนไลน์ เข้าไปช่วยในการทำงานสาธารณสุขชุมชนเชิงรุก เอไอเอส จึงสานต่อความร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี)และกระทรวงสาธารณสุข จัดโครงการ “ประกวดการใช้งาน แอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ ปีที่ 2” เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยมีหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ, รพ.สต. ร่วมกับชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน สมัครเข้าร่วมโครงการประกวดฯเป็นจำนวนมาก
สำหรับการพิจาณาตัดสินในปีนี้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ตัวแทนจากสื่อมวลชน และผู้บริหารเอไอเอส พิจารณาผลงานเชิงคุณภาพ 3 ส่วน ได้แก่ ความสามารถในการนำแอปฯไปใช้ดูแลประชาชนตามบริบทของพื้นที่, การประหยัดทรัพยากร และอสม.มีองค์ความรู้เพิ่มขึ้น รวมทั้งพิจารณาเชิงปริมาณการใช้งานแอปฯ
สำหรับผลการตัดสินผู้ชนะรางวัลดีเด่นระดับประเทศจำนวน 10 รางวัล ได้รับเงินรางวัลๆละ 100,000 บาท ได้แก่
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคลองม่วง จังหวัดกระบี่
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไทรงาม จังหวัดนครปฐม
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขนาย จังหวัดนครราชสีมา
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโตนด จังหวัดนครราชสีมา
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมะค่า จังหวัดนครราชสีมา
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางทอง จังหวัดพังงา
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปากคลอง จังหวัดพัทลุง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลชมพู จังหวัดพิษณุโลก
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านวังประจัน จังหวัดสตูล
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกุดบง จังหวัดหนองคาย
ขณะที่หน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ, รพ.สต. และชมรมอสม.ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกได้รับรางวัลดีเด่นระดับจังหวัด จำนวน 38 รางวัล* ได้รับเงินรางวัลๆละ 40,000 บาท และรางวัลชื่นชมในความมุ่งมั่นก้าวสู่อสม.4.0 จำนวน 45 รางวัล* โดยจะได้รับเงินรางวัลๆละ 10,000 บาท ซึ่งเป็นรางวัลพิเศษที่คณะกรรมการเล็งเห็นถึงความตั้งใจในการนำเทคโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้ในการทำงานด้านสาธารณสุขซึ่งถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของอสม.
นางวิไล กล่าวว่า “ในปีนี้มีหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิบางแห่งที่ไม่เคยส่งผลงานเข้าประกวดในปีที่แล้ว แต่สามารถได้รับรางวัลระดับประเทศ และมีหน่วยบริการสุขภาพบางพื้นที่เรียนรู้การใช้งานผ่านช่องทางต่างๆของเอไอเอสทำให้สามารถคว้ารางวัลในครั้งนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของหน่วยบริการสุขภาพ และพี่น้องอสม.ที่พยายามเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการผลักดันตนเองให้เป็นอสม. 4.0”
โดยรางวัลโครงการประกวดฯจะมอบเป็นเงินสนับสนุนให้แก่ “ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุข” เพื่อให้ชมรมฯนำไปใช้ในการส่งเสริมการทำงานของ อสม.และการจัดบริการด้านสาธารณสุขมูลฐาน ตลอดจนการสนับสนุนการจัดกิจกรรมและบริการของหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ สามารถติดตาม และตรวจสอบรายชื่อที่ผ่านการคัดเลือกได้ที่ www.ais.co.th/aorsormor และ Facebook อสม.ออนไลน์ ตั้งแต่วันนี้(25 ธันวาคม 2561) เป็นต้นไป ซึ่งทางเอไอเอส จะร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) และกระทรวงสาธารณสุข จัดพิธีมอบรางวัลฯให้แก่หน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ,รพ.สต. และชมรมอสม.ที่ได้รับรางวัลอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 30 มกราคม 2562
—————————————————————————————-