การทำงานเพื่อสร้างสรรค์ของสวยงามที่มีมูลค่าในการได้มา ครอบครองอย่างเครื่องประดับ สำหรับผู้ประกอบการแล้ว…ผลงานที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าในความซื่อสัตย์ในการดำเนินงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตและดำรงอยู่ สามารถขยายธุรกิจส่งต่อความเชื่อมั่นจากรุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูก
เจ เอส จิวเวลรี่ ร้านจิวเวลรี่บนถนนสายอัญมณี จังหวัดจันทบุรี ภายใต้การบริหารงานของคุณจุงเซ้ง แซ่อึ้ง และคุณประภัสสรศรีโกศัย สองสามีภรรยา โดยคุณจุงเซ้งนั้นถือเป็นช่างฝีมือรุ่นแรก ๆของจันทบุรีเลยก็ว่าได้ เพราะฝึกหัดเป็นช่างทองที่ร้านทองทองเซ้งสาขา1 ตั้งแต่อายุ14 ปี ส่วนคุณประภัสสร ก็ฝึกหัดเป็นพนักงานคัดพลอยของร้านทองกิมเซ้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 ประสบการณ์ในสายงานอัญมณีและเครื่องประดับ นับตั้งแต่การขึ้นตัวเรือน การคัดพลอยการฝัง การชุบเครื่องประดับ จนถึงขั้นตอนการจัดจำหน่าย ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดร้านเป็นของตนเอง โดยรับสั่งทำเครื่องประดับทุกรูปแบบและจัดจำหน่ายทั้งปลีก – ส่ง ภายใต้ชื่อ เจ เอส จิวเวลรี่
คุณบาส-ธนภัทร เเซ่อึ้งทายาทรุ่นที่สองของ เจ เอส จิวเวลรี่ ที่สานต่อธุรกิจของรุ่นคุณพ่อคุณแม่สู่ ศิรภัทร จิวเวลรี่ เล่าเรื่องราวของเจ เอส จิวเวลรี่ ให้ฟัง
…เจ เอส จิวเวลรี่ เริ่มก่อตั้งในปี 2543 จากการเป็นโรงงานเล็ก ๆ โดยผู้บริหาร 2 คน คือคุณพ่อ- คุณแม่ และค่อย ๆ พัฒนาโรงงานขึ้นมา ช่วงแรกก็ส่งงานไปให้คนที่อยู่ในชุมชนทำงานที่บ้านแต่พอกิจการเริ่มขยายก็มีการจ้างบุคลากรเข้ามาทำงานในโรงงานด้วย ต่อมาในปี 2546 เจ เอส จิวเวลรี่ ได้ทำการจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของร้านอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่พอมาถึงรุ่นลูก เจ เอส จิวเวลรี่ ได้จดทะเบียนนิติบุคคลเป็นห้างหุ้นส่วนในปี 2555 เจ เอส จิวเวลรี่ เป็นโรงงานที่ทำ เครื่องประดับเองและขายเอง แต่อีกส่วนหนึ่งจะรับสั่งทำจากร้านที่ขายเครื่องประดับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจึงมีทั้งที่ขายเอง ขายปลีกและขายส่งไปตามร้านแต่ละร้าน รวมถึงขายส่งไปถึงกรุงเทพฯ ตามร้านที่สั่งทำโดยทั่วไปก็จะเห็นผู้มาใช้บริการมีทั้งกลุ่มประชาชนทั่วไปที่เดินเข้ามาซื้อ หรือมาซ่อมสินค้าด้วยตนเอง กลุ่มช่างที่ทำงานด้วยกัน เพราะเจเอสจิวเวลรี่ มีเครื่องมือเลเซอร์ที่ทันสมัยสำหรับซ่อมเครื่องประดับ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัยของจันทบุรียังไม่ค่อยมีใครนำมาใช้ ช่างส่วนหนึ่งจะนำงานมาซ่อมที่เจ เอส จิวเวลรี่ อีกส่วนเป็นการขายปลีกโดยการออกบูธตามงานต่าง ๆ หรือการขายทางเว็บไซต์ ทำให้เจ เอส จิวเวลรี่ มีช่องทางการค้าหลาย ๆ ช่องทาง
จุดเปลี่ยนของเจ เอส จิวเวลรี่ คือ การเป็นโรงงานที่ทำงานเครื่องประดับตั้งแต่ขั้นตอนแรกจน ถึงขั้นตอนสุดท้าย…เรียกว่าครบวงจร ลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพในความมั่นใจที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นต่อ เจ เอส จิวเวลรี่คุณบาสมีตัวอย่างเล่าให้ฟังว่า การซ่อมเครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาสูง หากลูกค้าทำแหวนพังหรือได้รับความเสียหาย หากไปร้านซ่อมเครื่องประดับในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยลูกค้าจะถูกคิดค่าบริการเพิ่มจากความเป็นจริงประมาณ 2,000-3,000 บาท ซึ่งลูกค้าก็ต้องยอมเพื่อให้เครื่องประดับกลับมาใช้งานได้ แต่สำหรับเจ เอส จิวเวลรี่ จะคิดค่าบริการตามต้นทุนจริง หมายความว่าหากลูกค้าซ่อมพลอย1 เม็ด ราคาเท่าไร ก็คือเท่านั้น จะเป็นราคามาตรฐานของทางร้านซึ่งอาจเป็นเพียงหลักร้อยหรือหลักพันเท่านั้นตามนน้ำหนักจริงที่เพิ่มเข้าไป ไม่ได้มีการเหมารวม ไม่ว่าจะเป็นช่างหรือลูกค้าทั่วไปที่มาซ่อมที่ เจ เอส จิวเวลรี่เรามีเรทราคาที่เป็นอัตราเดียวกัน ไม่ว่าคนไทย หรือคนต่างชาติจะได้รับบริการในราคาเดียวกันทั้งหมด
ส่วนในเรื่องการขายเครื่องประดับจิวเวลรี่ คุณบาสบอกว่าลูกค้าจะเชื่อมั่นหรือไม่ก็อยู่ที่ “ปาก” ของคนขายว่าจะบอกข้อมูลอะไรไปกับลูกค้า สำหรับ เจ เอส จิวเวลรี่ จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าอย่างพลอยแต่ละชนิดมีที่มาอย่างไรถึงทำให้ราคาแตกต่างกันจะให้ข้อมูลแก่ลูกค้า และขายตามคุณภาพจริง บางชิ้นอาจเป็นพลอยขนาดใหญ่ แต่รายละเอียดอาจไม่สะอาดมาก ก็ขายในราคาคุณภาพตามนั้นไม่ได้อัพราคาขึ้นมากล้าพูดได้เลยว่าสำหรับลูกค้าแล้วหากเป็นงานสั่งทำ ราคา ก็จะพอ ๆ กับราคาที่ขายหน้าร้าน ทั้งนี้เวลาที่ลูกค้าเข้ามาในร้าน จะทำความเข้าใจกับลูกค้า ก่อนเลยว่า อย่าตกใจกับป้ายหน้าร้าน เพราะหน้าร้านคือส่วนหนึ่งที่ต้องสร้าง ลูกค้าบางคนเข้ามาขอลดเปอร์เซ็นต์ หากไปซื้อทองน้ำหนักเท่านี้ ราคาเท่านี้ ซึ่งลูกค้าเปรียบเทียบมาแล้วจะต่างกัน แต่เราจะอธิบายเป็นขั้นตอนด้วยความมั่นใจเพราะมีโรงงานอยู่แล้ว ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในเจ เอส จิวเวลรี่มากขึ้นและเกิดการบอกต่อเราตั้งอยู่ที่ตลาดพลอยรับรองว่าคนที่มาต้องเห็นและรู้จักเราแน่นอน
ส่วนหนึ่งเพราะเราเป็นผู้ผลิตมงกุฎนางสาวจันทรบูร ซึ่งเป็นกิจกรรมสร้างชื่อให้เรานางสาวจันทบูรมีการประกวดทุกปี โดยเรามอบมงกุฎให้กับจังหวัดจันทบุรีจริง ๆ แล้วเจ เอส จิวเวลรี่เป็นของคุณพ่อ คุณแม่ แต่ตนเองมาทำต่อ และตั้งชื่อเป็น ศิรภัทรจิวเวลรี่ โดยเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2559ที่ผ่านมา สำหรับมงกุฎนางสาวจันทบูรชื่อ “มงกุฎศิรภัทรจันทบูร”ทางคุณบาสเป็นผู้ทำมอบให้จังหวัด เพราะจันทบุรีเป็นเมืองอัญมณีจึงอยากให้จังหวัดจันทบุรี มีมงกุฏอัญมณีแท้เป็นของตนเองล่าสุดศิรภัทร จิวเวลรี่ ได้ทำมงกุฏให้มิสแกรนด์ระยองจันทบุรี ตราด 3 จังหวัด ซึ่งภายในท้องถิ่นก็จะมีคนรู้จักเจ เอส จิวเวลรี่ และศิรภัทร จิวเวลรี่ จากการประกวดนางสาวจันทบูร ส่วนภายนอกระดับจังหวัดในโซนภาคตะวันออกก็จะเป็นที่รู้จักและรับรู้จากการประกวดมิสแกรนด์ตะวันออก ซึ่งคุณบาสทำมงกุฎให้เช่นกัน
การทำธุรกิจในรุ่นพ่อแม่ แม้รอบ ๆ ตัวจะทำงานประเภทเดียวกัน แต่ทุกคนในวงการก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและเป็นเพื่อนกันส่วนการขายต่างก็มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต่างกันไปบางคนขายเครื่องประดับอย่างเดียวก็จะมีลูกค้าที่เป็นผู้ซื้ออย่างเดียวบางคนเป็นโรงงานอย่างเดียวก็จะมีลูกค้าที่เป็นผู้ขายมาสั่งทำแต่สำหรับเจ เอส จิวเวลรี่ และศิรภัทร จิวเวลรี่ จะมีหลายลูกค้า ๆ กลุ่ม แต่ในภาพรวมของธุรกิจก็เหมือนช่วยกัน ไม่ได้แย่งกันเวลาออกบูธก็ไปเป็นกลุ่มของจันทบุรี แต่เราเป็นร้านหนึ่งที่เติบโตในจันทบุรีคนที่มองหาจิวเวลรี่ของจันทบุรี ก็จะโฟกัสมาที่เราด้วย้ ดานการส้รางงานใ ห้คนในชุมชนมีรายได้ คุณบาสบอกว่าด้วยการทำงานที่มีความครบวงจรในทุก ๆ อย่าง จึงมีการจ้างช่างภายนอกซ่งึ เป็นคนในชุมชน ทำให้เขามีอาชีพ มีงานทำขณะที่ช่างบางคนมีภรรยาที่เป็นช่างขัด แต่ไม่มีอุปกรณ์เป็นของตนเองคุณบาสก็จะจ้างมาเป็นช่างภายในโรงงานส่วนคนเดินพลอย ก็จะมีการช่วยกันซื้อ เพราะทางร้านก็ต้องหาทรัพยากรตรงนี้มาใช้งานในส่วนของการสนับสนุนภาคราชการด้านการศึกษา ทางร้านจะเปิดรับนักศึกษามาฝึกงานด้วยในทุก ๆ ปีเพราะเราครบวงจร บอกได้เลยว่าใครมาฝึกงานที่นี่ ค่อนข้างได้ข้อมูลครบมาก ๆ เราให้ข้อมูลแบบเต็มที่ เพราะเราก็เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมทัพศักยภาพคนในวงการอัญมณีให้แข็งแกร่งมากขึ้น
พลอยซึ่งเป็นทรัพยากรในการทำงานของผู้ประกอบการเครื่องประดับ คุณบาสบอกว่าจันทบุรียังมีพลอยอยู่ แต่อาจมีจำนวนน้อยลง เพราะธรรมชาติไม่อาจผลิตขึ้นมาได้ทันเท่าความต้องการใช้งานของมนุษย์ แต่จันทบุรีที่ยังคงอยู่เพราะเรามี 2 อัตลักษณ์อัตลักษณ์ในการเผาและเจียรนัยพลอย ดังนั้นไม่ว่าพลอยจากที่ไหน แอฟริกาหรือต่างประเทศก็ต้องเข้ามาที่จันทบุรี เพื่อมาเผามาเจียรนัย หรือมาตลาดพลอย ถือเป็นตลาดการค้าของโลกอัตลักษณ์การขึ้นตัวเรือน สำหรับฝีมือในการขึ้นตัวเรือนของไทยยังคงแข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับเมื่อเทียบกับงานที่บอกว่าผลิตจากจีนหรือฮ่องกง และด้วยถนนอัญมณีที่มีร้านจิวเวลรี่อยู่มากมายทำให้เป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของจันทบุรีและสืบสานคงอยู่…ถึงทรัพยากรจะน้อยลง แต่อัตลักษณ์ในฝีมือของช่างไทยก็ยังคงอยู่
การทำตลาดธุรกิจเครื่องประดับ ในปีหนึ่ง ๆ คุณบาสออกบูธเกือบทุกเดือน แต่ก็เลือกงานที่จะไป อย่างงานของจังหวัดก็มีที่ไปออกงานบ้าง ส่วนเทศกาลอย่างวันวาเลนไทน์ก็จะมีการไปออกบูธที่ห้างโรบินสัน จันทบุรี ซึ่งเป็นห้างที่เป็นศูนย์รวมของจันทบุรี ลูกค้าที่เป็นคนจันทบุรีหรือลูกค้าทั่วไปสามารถเข้ามาที่ร้านเราได้โดยตรงแต่การออกบูธนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการรับรู้ว่าเรามีตัวตนจริง แต่ส่วนมากลูกค้าจะตามกลับมาที่ร้าน จุดนี้ทำให้ไม่เหมือนกับร้านอื่น ๆ ที่มาขายแบบฉาบฉวยกับการออกบูธไม่กี่วัน แต่เราอยู่ในสถานที่ของเราเอง ลูกค้าสามารถตามมาดูที่ร้านได้ เรามีตัวตนจริงนอกนั้นจะเป็นการนำโซเชียลมีเดียเข้ามาใช้ ซึ่งก็มีทั้งเว็บไซต์และเฟสบุ๊ค โดยมีการจัดกิจกรรมเพื่อแจกของรางวัล ตลอดจนให้ข้อมูลที่เป็นความรู้สำหรับคนที่เข้ามาชม ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขวางออกไป ในเรื่องของโซเชียลมีเดียหรือสื่อออนไลน์ที่นำมาใช้ในการตลาดนั้น คุณบาสบอกว่าธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับในจังหวัดจันทบุรี ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ แต่พอมาถึงรุ่นลูก อาจจะไม่สานต่อ ทำให้ไม่มีการนำสื่อออนไลน์เข้ามาใช้
นอกจากนี้ในรุ่นของคุณบาส ที่เข้ามาสานต่องานของเจ เอส จิวเวลรี่ ได้นำแนวคิดของคนรุ่นใหม่มาใช้ในด้านการตลาดั้ ทงการโฆษณาในหนังสือการนำเคื่รองประดับของ้รานไปเดินแฟชั่นโช์วการประกวดออกแบบเครื่องประดับ การออกบูธแสดงสินค้าในจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดอื่น รวมทั้งในต่างประเทศด้วย และยังริเริ่มนำเครื่องประดับส่งเข้าประกวดออกแบบของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้รับทั้งรางวัลชมเชยประเภทสวยงาม รางวัลประเภทความคิดสร้างสรรค์นอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจแล้ว ยังเป็นการการันตีคุณภาพฝีมือของทางร้านอีกด้วย
เจ เอส จิวเวลรี่ ที่มีจุดเริ่มมาจากความเชี่ยวชาญและความชำนาญของสองผู้บริหาร และส่งผ่านมายังรุ่นลูกที่นำการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ มาใช้เพื่อขยายธุรกิจ ประกอบกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ผู้ประกอบการยึดถือในคุณภาพและความซื่อสัตย์ทำให้เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับของลูกค้า ส่งผลให้วันนี้ เจ เอสจิวเวลรี่ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายระดับแนวหน้าในวงการอัญมณีและเครื่องประดับของจังหวัดจันทบุรี โดยมีคลื่นลูกที่สอง ศิรภัทรจิวเวลรี่ กำลังก้าวตามมา
ผู้ประกอบการ :
คุณประภัสสร ศรีโกศัย
บริษัท เจ.เอส.จิวเวลรี่ จำกัด
29/6-7 ถนนอัญมณี ตำบลวัดใหม่
อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี
โทรศัพท์ 081-687-8222 โทรสาร 039-322-360
หนึ่งในผลงานของ เจ เอส จิวเวลรี่ คุณประภัสสร ศรีโกศัย ผู้บริหาร เจ เอส จิวเวลรี่ ได้เข้าร่วมกิจกรรมการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ในปี 2560กับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 ในครั้งนี้คุณประภัสสรได้พบกับกลุ่มผู้ประกอบการจากหลากหลายธุรกิจซึ่งไม่ใช่กลุ่มที่ทำจิวเวลรี่ด้วยกันเอง ซึ่งโดยส่วนตัวคุณประภัสสรมีธุรกิจเยอะแต่หากมีเวลาก็พยายามจะไปรวมกลุ่มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานการพัฒนาผลิตภัณฑ ์ในฐานะ 1 ใน 13 ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกด้านการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เจ เอส จิวเวลรี่ ได้พัฒนาเครื่องประดับในคอลเลคชั่น พริกไทยโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ไปเที่ยวชมสวนพริกไทยที่เป็นพืชเศรษฐกิจสร้างชื่อเสียงและรายได้ไปทั่วโลกให้กับชาวสวนพริกไทยของจังหวัดจันทบุรี ได้เห็นสีสันที่ผสมผสานกันของพริกไทยทั้งเมล็ดสีเขียวอ่อน ที่เปลี่ยนเป็นสีส้ม ก่อนกลายเป็นสีน้ำตาสดทำให้ชาวสวนเก็บเกี่ยว เจ เอสจิวเวลรี่ จะใช้พลอยสีซึ่งเป็นอัญมณีของจันทบุรีเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของพริกไทยจันท์ไปสู่ชาวโลกในรูปแบบงาน Jewelry