“สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม และสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดภาพถ่าย โครงการศิลปินร่วมสมัย สู้ภัยโควิด ด้วยจิตสำนึก # 2 ในหัวข้อ “บันทึกคนไทย หัวใจไม่เคยท้อ” รวมเงินรางวัล 2,019,000 บาท ถ้วยรางวัลพร้อมเกียรติบัตร จาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล”
วันที่ 22 มิถุนายน 2564 เวลา 08.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดภาพถ่ายโครงการศิลปินร่วมสมัย สู้ภัยโควิด ด้วยจิตสำนึก # 2 ในหัวข้อ“บันทึกคนไทย หัวใจไม่เคยท้อ” ซึ่งสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม และสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันจัดขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ผู้มีใจรักในการถ่ายภาพ ถ่ายทอดความคิดและสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ตลอดจนเหตุการณ์ที่น่าประทับใจภายใต้ภาวะวิกฤต ความร่วมมือของคนไทย การฝ่าฟันอุปสรรคทั้งในด้านการดำรงชีวิต การสาธารณสุข การท่องเที่ยว ตลอดจนการดำเนินธุรกิจที่มีการปรับเปลี่ยน หรือรอวันฟื้นฟู ในช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ฯลฯ เพื่อเก็บรวบรวมเป็นบันทึกประวัติศาสตร์และภาพความทรงจำสำหรับคนไทยทั้งประเทศ โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นคณะกรรมการในพิจารณาตัดสินดังต่อไปนี้
1) นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
2) รองผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
3) นายดาว วากสิกศิริ นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
4) นายวรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ศิลปะภาพถ่าย) พ.ศ. 2552
5) นายวินิจ รังผึ้ง ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
6) นายตุลย์ หิรัญญลาวัลย์ อุปนายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
7) นายอดุล ตัณฑโกศัย กรรมการสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
8) นายวรรณพงษ์ สุรโรจน์ประจักษ์ กรรมการสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
9) นายวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ศิลปินศิลปาธร สาขาการออกแบบ ประจำปี 2553
โดยในการประกวดครั้งนี้ มีภาพส่งเข้าประกวดจำนวนทั้งสิ้น 8,012 ภาพ จากจำนวน ผู้ลงทะเบียนส่งภาพเข้าประกวดทั้งสิ้น 1,829 คน โดยคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกภาพที่ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 1,112 รางวัล รวมเป็นเงินรางวัล 2,019,000 บาท โดยแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้
1.ประเภทบุคคลทั่วไป จำนวน 5,612 ภาพ
2.ประเภทนักเรียน/นักศึกษา จำนวน 2,400 ภาพ
ประเภทนักเรียน/นักศึกษา
-รางวัลชนะเลิศเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัลเกียรติยศนายกรัฐมนตรี และเกียรติบัตร ได้แก่ นายดลธรรม จงสอนสุข ชื่อภาพ รถเมล์ที่แสนวุ่นวาย
– รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลเกียรติยศ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และเกียรติบัตรได้แก่ นายจารุวิทย์ ผ่องผุด ชื่อภาพ Music in the rain
– รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัลเกียรติยศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเกียรติบัตร นางสาวชมพูนุช มีรัตน์ ชื่อภาพ เดินออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพ
– รางวัลชมเชย 20 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท และเกียรติบัตร
ประเภทบุคคลทั่วไป
– รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมโล่รางวัลเกียรติยศนายกรัฐมนตรี และเกียรติบัตร ได้แก่ นายประสบชัย จันดก ชื่อภาพ ยองเส้น ไทเลย
– รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัลเกียรติยศรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และเกียรติบัตร ได้แก่ นายอรรจน์ ยอมใหญ่ ชื่อภาพ หาปลาในอ่าวพังงา
– รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลเกียรติยศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเกียรติบัตร ได้แก่ นายเบนซิน จองสี ชื่อภาพ ป้องกัน Covid-19 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย
– รางวัลชมเชย 40 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท และเกียรติบัตร
พร้อมด้วยรางวัลภาพถ่ายดีเด่นประจำภูมิภาค 96 รางวัล (7 ภูมิภาค) รางวัลละ 5,000 บาท และเกียรติบัตร แบ่งเป็นภาคเหนือจำนวน 11 รางวัล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 22 รางวัล ภาคกลาง จำนวน 23 รางวัล ภาคตะวันออกจำนวน 9 รางวัล ภาคตะวันตกจำนวน 7 รางวัล ภาคใต้จำนวน 16 รางวัล และกรุงเทพมหานคร จำนวน 8 รางวัล อีกทั้งภาพที่ได้คัดเลือกให้ร่วมแสดงนิทรรศการจำนวนทั้งสิ้น 959 ภาพ จะได้รับค่าสร้างสรรค์ผลงานภาพละ 1,000 บาท
ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของรัฐบาล จึงดำเนินการเผยแพร่ผลงานภาพถ่ายฯ ผ่านทางเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ตลอดจนเครือข่ายสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์กิจกรรมด้านศิลปะ ร่วมสมัย ตลอดจนเครือข่ายที่เกี่ยวข้องให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดไปสู่การเป็นมืออาชีพได้ในอนาคต
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////