นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในฐานะโฆษกกรม กล่าวว่า ฤดูหนาวโดยทั่วไปจะมีระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี อุณหภูมิจะลดลง อากาศหนาวเย็นขึ้น ขอแนะนำการดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาวตามหลักการแพทย์แผนจีน คือ การดำเนินชีวิตตามหลักธรรมชาติโดยจะถนอมพลังหยาง (ความร้อน) ไม่ให้สูญเสียไป นอกจากนี้ อวัยวะที่สำคัญที่ต้องดูแลคือ ไต เพราะไตเป็นรากฐานของอวัยวะภายในและการรักษาสมดุล ยินหยางตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน ในฤดูหนาวควรบำรุงไตและหลีกเลี่ยงความเย็น โดยมีข้อปฏิบัติง่าย ๆ 8 ข้อ ดังนี้ 1. ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ โดยไม่ให้เหงื่อออกมากเกินไป เพราะจะทำให้สูญเสียน้ำ ผิวจะแห้งง่ายและเป็นการระบายความร้อนในร่างกายได้อย่างเหมาะสม 2. ดูแลรักษาเท้า เพราะเท้าอยู่ไกลจากหัวใจ ทำให้เลือดมาเลี้ยงไม่เพียงพอ ต้องรักษาอุณหภูมิของเท้าทั้งกลางวันและกลางคืน ควรแช่เท้าด้วยน้ำอุ่น ร่วมกับการกดจุดเท้า เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และช่วยให้หลับสบาย 3. รักษาความอบอุ่นของร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรค เนื่องจากอากาศเย็นเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคหรือทำให้โรคที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น เช่น ไข้หวัด ปวดข้อรูมาตอยด์ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง 4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้เพียงพอสำคัญมาก เนื่องจากช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร 5. ดูแลรักษาสุขภาพจิตใจให้สงบ ผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง เดินเล่นชมสวน ปลูกต้นไม้ ออกกำลังกายแบบไทเก็ก ซี่กง และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจ 6. การระบายอากาศ ช่วงฤดูหนาว คนส่วนใหญ่มักจะนอนปิดประตูหน้าต่าง ซึ่งเป็นหลักการที่ผิด แนะนำให้เปิดหน้าต่างให้มีการระบายของลม และให้อากาศสดชื่นมาแทนที่ 7. ดื่มชาหรือทานโจ๊กอุ่น ๆ หลีกเลี่ยงอาหารเย็นหรือแช่แข็ง เพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดติดขัด 8. บำรุงร่างกายอย่างเหมาะสมด้วยอาหารที่เพิ่มความร้อนให้กับร่างกาย เช่น ต้มยำ แกงส้ม ปลานึ่ง เห็ดหูหนูดำ ข้าวเหนียวดำ ถั่วดำ พริก พริกไทย ขมิ้น กระเทียม กะเพรา ฯลฯ รวมถึงการรับประทานผักใบเขียวเป็นประจำ
นายแพทย์ปราโมทย์ กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากการดูแลสุขภาพในฤดูหนาวด้วยหลัก 8 ข้อ ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนแล้ว ก็ควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทำให้ตัวเองเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย อีกทั้งไม่ควรเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อคลายความหนาว เพราะอาจเสี่ยงทำให้เกิดภาวะหัวใจวายส่งผลให้เสียชีวิตได้