รมว.แรงงาน เผย ผลเจรจากับรัฐมนตรี 2 กระทรวงของอิสราเอล เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่ไทยต้องการ รมว.แรงงานอิสราเอล รับปากจะดูแลแรงงานไทยเป็นอย่างดี ทั้งสวัสดิการ ค่าจ้างตามกฎหมาย และไม่ให้เกิดปัญหากับคนงาน
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานพร้อมด้วย นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน และคณะ หารือข้อราชการกับ Mr.Aryeh Deri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล ณ ห้องประชุมกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล กรุงเยรูซาเร็ม โดย รมว.แรงงาน ได้กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอลที่ให้โอกาสเข้าพบหารือและขอบคุณรัฐบาลอิสราเอลที่ได้เปิดโอกาสให้แรงงานไทยจำนวนมากเข้ามาทำงานในประเทศอิสราเอลช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถสร้างรายได้ส่งเงินกลับประเทศไทยเพื่อจุนเจือครอบครัว ได้รับประสบการณ์และการเรียนรู้เทคโนโลยีภาคเกษตรชั้นสูงของอิสราเอล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกลับไปเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการ Start up ด้านการเกษตร ช่วยขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล รวมทั้งขอบคุณ PIBA ที่ได้ดูแลและคุ้มครองแรงงานไทยร่วมกับฝ่ายแรงงานฯ มาโดยตลอด
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ ได้กล่าวถึงผลการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอิสราเอล ว่ารัฐบาลอิสราเอลได้ผ่านสภาเห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนปิซูอิม (Deposit Fund) ที่กำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุน เมื่อคนงานทำงานครบสัญญาจ้างงาน จะได้รับเงิน 1 เดือนต่อการทำงานครบ 1 ปี นอกจากนี้ รมว.แรงงานของไทยยังได้ฝากเจ้าหน้าที่ดูแลคุ้มครองแรงงานไทยโดยขอให้ดำเนินการต่อนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และให้มีการ Black list ต่อนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยืนยันที่จะดูแลสวัสดิการ สุขภาพ ที่พักอาศัยของแรงงานไทย ทั้งนี้ ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบนายจ้างให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนปัญหายาเสพดิดนั้น ซึ่งทั้งสองฝ่ายเข้มงวดตรวจสอบแรงงานไทยทั้งก่อนเดินทางและหลังจากที่เดินทางอิสราเอลแล้ว ส่วนประเด็นสลิปเงินเดือนจะบังคับให้บริษัทจัดหางานจัดทำเป็นภาษาไทยให้คนงานได้รับทราบและเข้าใจ ขณะเดียวกัน รมว.มหาดไทยอิสราเอลรับที่จะพิจารณาในการเพิ่มโควตานำเข้าแรงงานไทยไปทำงานในอิสราเอลเพิ่มขึ้นอีกด้วย
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวต่อว่า การเดินทางเยือนอิสราเอลในครั้งนี้ เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ด้านแรงงานระหว่างไทยและอิสราเอล ติดตามสถานการณ์ปัญหาความไม่สงบและภัยคุกคามของอิสราเอล รวมทั้งเยี่ยมเยียน สร้างขวัญและกำลังใจให้กับแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอล โดยเฉพาะแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ใกล้กับพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือและฉนวนกาซ่า
วันเดียวกัน รมว.แรงงาน ยังได้หารือร่วมกับ Mr.HAIM KATZ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สวัสดิการ และบริการสังคมของอิสราเอล เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาแรงงานไทยประสบปัญหาการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างอิสราเอลและการไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างในเรื่องค่าจ้าง จึงอยากให้กระทรวงแรงงาน สวัสดิการและบริการสังคมอิสราเอลเร่งหามาตรการเพื่อคุ้มครองสิทธิของแรงงานไทย และบังคับให้นายจ้างปฏิบัติตามสัญญาจ้างอย่างเคร่งครัด การเพิ่มช่องทางร้องทุกข์ของแรงงานไทย การพิจารณาการดำเนินการเพิ่มบทลงโทษและการสั่งปรับนายจ้างที่ฝ่าฝืน รวมทั้งการพิจารณายกเลิกโควตาจ้างแรงงานต่างชาติสำหรับนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และเพิ่มระดับความเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด เพื่อให้แรงงานไทยได้รับการคุ้มครองและได้รับสิทธิตามกฎหมายอิสราเอล โดยไม่ต้องเกิดปัญหาฟ้องร้องกับนายจ้าง และยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ต่อไป
——————————–
กลุ่มงานโฆษกและการข่าว/กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/ชนินทร เพ็ชรทับ – ข่าว/สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ข้อมูล