จากผ้าห่มสไบของชาวภูไท สู่ราชินีแห่งไหมไทย ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีพระราชดำริให้ส่งเสริมและสนับสนุน จนมีการพัฒนาผ้าไหมแพรวาอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน และเมื่อไม่นานมานี้ คนไทยได้ประจักษ์ในความงดงามของผ้าไหมแพรวากันอีกครั้ง เมื่อพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จไปทรงร่วมงาน“อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” ณ พระลานพระราชวังดุสิต โดยทรงฉลองพระองค์ชุดไทยผ้าไหมแพรวาสีแดง ซึ่งเป็นสีดั้งเดิมของแพรวาอันเป็นวัฒนธรรมของชาวภูไท บ้านโพน จังหวัดกาฬสินธุ์ ในโครงการศิลปาชีพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9
แพรวา หรือ ผ้าไหมแพรวาเป็นผ้าทอมืออันเป็นเอกลักษณ์ของชาวผู้ไทยหรือภูไท เป็นกลุ่มชนที่อพยพมาจากประเทศจีนตอนใต้ ข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่แถบเทือกเขาภูพาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเป็นส่วนใหญ่ โดยยังรักษาวัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ การแต่งกาย และการทอผ้าไหม ผู้หญิงจะถูกฝึกทอผ้าแพรวาตั้งแต่อายุ 9 – 15 ปี ชาวผู้ไทยที่ทอผ้าแพรวาส่วนใหญ่จะอยู่ที่บ้านโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่มีภูมิปัญญาในการทอผ้าไหมด้วยการเก็บลาย หรือเก็บขิดแบบจกที่มีลวดลายโดดเด่น เป็นผืนที่มีขนาดความยาว 1 วา หรือ 1 ช่วงแขน ใช้สำหรับคลุมไหล่หรือห่มสไบเฉียงที่เรียกว่าผ้าเบี่ยง ซึ่งใช้ในโอกาสที่มีงานเทศกาลบุญประเพณีหรืองานสำคัญอื่นๆโดยประเพณีทางวัฒนธรรมของหญิงสาวชาวภูไทจะต้องยึดถือคือ จะต้องตัดเย็บผ้าทอ 3 อย่างคือ เสื้อดำ ตำแพร หมายถึงการทอด้วยไหมทั้งผืน มีสีสันและลวดลายที่หลากหลาย
ผ้าไหมแพรวาที่ได้ชื่อว่า “ราชินีไหม” มิใช่เพราะมีราคาแพง หากเพราะความงดงาม ทุกลายไหม ทุกดอกดวง ล้วนสืบสานมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอันเป็นมรดกตกต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
พบกับสุดยอดตำนานของผ้าไหมแพรวา ผลงานอันวิจิตรงดงามที่รังสรรค์โดยครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรมจาก บ้านโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ในงาน“อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 10” ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2562 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพลนารี ฮอลล์
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1289
#SACICT #IdentityOfSiam #อัตลักษณ์แห่งสยาม #ครั้งที่10