สปส.แถลง สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน 4 ข้อ เยียวยาว่างงาน บรรเทาสถานการณ์โควิดระลอกสาม

วันที่ 12 พ.ค. 2564 นางสาวลัดดา แซ่ลี้ ผู้อำนวยการสำนักสิทธิประโยชน์ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานประกันสังคม แถลงการณ์สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตน เพื่อบรรเทาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกที่สาม 4 หัวข้อด้วยกัน คือ

1.สิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเหตุสุดวิสัย

2.กรณีว่างงาน(ไม่เกี่ยวกับว่างงานจากโรคโควิด-19)

3.ตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 เชิงรุก เพื่อผู้ประกันตน ตามโครงการแรงงาน…เราสู้ด้วยกัน

4.การส่งตัวผู้ประกันตนที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่ Hospitel ณ สำนักงานประกันสังคม สำนักงานใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

หัวข้อที่ 1 สิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเหตุสุดวิสัย

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบันมีสถานประกอบกิจการหลายประเภทต้องปิดหรือหยุดประกอบการทำให้ผู้ประกันตนต้องหยุดงานชั่วคราว สำนักงานประกันสังคมจึงได้ออกกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. 2563 กำหนดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยและหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเป็นผลกระทบให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น โดยให้ลูกจ้างดังกล่าวซึ่งไม่ได้รับค่าจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานจากกองทุนประกันสังคม

ผู้ประกันตนที่จะได้รับสิทธิกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยต้องมีการส่งเงินสมทบ 6 เดือน ภายใน 15 เดือน จะได้รับเงินว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วันซึ่งผู้ประกันตนต้องดำเนินการยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนโดยกรอกแบบขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01/7) พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้และแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของตนเอง แล้วนำส่งให้นายจ้างรวบรวมแบบฯ เพื่อบันทึกข้อมูลลูกจ้างตามแบบฯ สปส.2-01/7 และหนังสือรับรองการหยุดงานกรณีราชการสั่งปิด/กรณีกักตัว (นายจ้างที่ใช้ระบบครั้งแรกต้องลงทะเบียนเพื่อใช้ระบบก่อน) เมื่อนายจ้างบันทึกข้อมูลลูกจ้างเสร็จสิ้นให้นำส่งแบบฯ และหนังสือรับรองในระบบ e-service บน www.sso.go.th ส่งมายังสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ทางไปรษณีย์ (ลงทะเบียน)

หัวข้อที่ 2 กรณีว่างงาน (ไม่เกี่ยวกับว่างงานจากโควิด-19)

สำนักงานประกันสังคม ได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจ กรณีว่างงานโดยผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างหรือลาออกซึ่งไม่เกี่ยวกับสถานการณ์จากโรคโควิด-19 มีสิทธิได้รับเงิน ดังนี้ (บังคับใช้ 2 ปี) โดยมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน ดังนี้

– ผู้ประกันตนลาออกจากงาน รับเงินกรณีว่างงานร้อยละ 45 ของค่าจ้าง เป็นเวลา 90 วัน

– ผู้ประกันตนถูกเลิกจ้าง รับเงินกรณีว่างงานร้อยละ 70 ของค่าจ้าง เป็นเวลา 200 วัน

ผู้ประกันตนต้องดำเนินการดังนี้

1.ขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (เว็บไซต์ https://empui.doe.go.th) ของสำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ลาออกหรือถูกเลิกจ้าง หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างจึงจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานนับแต่วันที่ 8 ของการว่างงาน

2.ต้องรายงานตัวตามกำหนดนัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (เว็บไซต์ https://empui.doe.go.th) ของสำนักงานจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง

3.นำเอกสารมายื่น ณ สำนักงานประกันสังคม ดังนี้

-แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส.2-01/7)

-สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ (ยกเว้น ออมสิน/ ธกส./ UOB/Land&House )

สำนักงานประกันสังคมมีความพร้อมรองรับการให้บริการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานให้แก่ผู้ประกันตนตลอดเวลา หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อที่สายด่วน 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

****เพิ่มเติมจำนวนที่ได้รับการช่วยเหลือ และงบประมาณที่ใช้แล้ว***

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีผู้ประกันตนได้ใช้สิทธิการขอรับเงินว่างงาน จำนวน 83,512 ราย เป็นเงิน 568,307,540.85 บาท (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 29 เมษายน 2564) (ข้อมูลล่าสุด จาก สปย.)

หัวข้อที่ 3 ตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 เชิงรุก เพื่อผู้ประกันตน ตามโครงการแรงงาน…เราสู้ด้วยกัน

กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคมมีการดำเนินการโครงการตรวจโควิด-19 เชิงรุก แก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ,39 และ 40 ตามโครงการ “แรงงาน..เราสู้ด้วยกัน” ซึ่งกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย  สปสช. และกรุงเทพมหานคร ให้บริการผู้ประกันตนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวก โดยใช้อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. โดยในแต่ละวันตรวจได้ไม่เกิน 3,000 คน รอบเช้า 1,500 คน รอบบ่าย 1,500 คน

ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห่วงใยผู้ประกันตน แรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระและพี่น้องประชาชนทั่วไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เนื่องจากสภาพปัญหาในปัจจุบันได้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง และมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงได้มีดำริกำชับให้กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขยายระยะเวลาของศูนย์คัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ออกไปอีกจนถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ เพื่อให้สามารถตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุก ได้ครอบคลุมและเร่งคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยเร็ว

ผู้ที่ต้องการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจได้ที่เว็บไซต์https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php จากนั้นผู้ประกันตนกรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หากผู้ประกันตนรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ และเมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที เนื่องจากผลการตรวจจะส่งทาง SMS ให้ผู้ประกันตนทราบตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน ขอให้ผู้ที่มาตรวจนำบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องมาด้วย

หัวข้อที่ 4 การส่งตัวผู้ประกันตนที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่ Hospitel

กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคมได้ตระหนักถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เนื่องจากสภาพปัญหาในปัจจุบันได้เกิดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้มีความรุนแรง และมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนสถานที่และเตียงรองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไม่เพียงพอ กระทรวงแรงงานจึงได้เห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ผู้ประกันตน และเป็นการลดการติดต่อแพร่ระบาดของ โควิด-19 จึงได้มีนโยบายให้ตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกเพื่อผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 และ 40 รวมทั้งจัดหา Hospitel เพื่อรองรับผู้ประกันตนที่ป่วยโควิด-19 เป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกันตนที่ป่วยให้ได้เข้ารับการรักษา ลดอัตราความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตโดยสำนักงานประกันสังคมได้รับความร่วมมือจากสถานพยาบาล โรงแรม ในการจัดตั้ง Hospitel หากผู้ประกันตนรายใดที่ตรวจพบเชื้อจะถูกส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมและ Hospitel ซึ่งมีทีมแพทย์ดูแลตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างดี

สำนักงานประกันสังคมได้จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อประสาน Hospitel ให้แก่ผู้ประกันตน โดยผู้ประกันตนสามารถโทรศัพท์ติดต่อที่เบอร์ 1506 กด 6 เพื่อเป็นช่องทางติดต่อให้กับผู้ประกันตน ที่ไม่สามารถหาสถานที่ตรวจและสถานพยาบาลเข้ารับการรักษาในกรณีติดเชื้อได้ โดยให้บริการทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 17.00 น. มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการทั้งสิ้น 10 คู่สาย ช่วยเหลือผู้ประกันตนและประชาชนที่เดือดร้อนจากการตรวจโควิด-19 ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีอีกทางหนึ่งด้วย