“วันนี้เป็นวันสงกรานต์ หนุ่มสาวชาวบ้านเบิกบานจิตใจจริงเอย ตอนเช้าทำบุญ ทำบุญตักบาตร ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันเอย เข้าวัดแต่งตัว แต่งตัวสวยสะ ไปสรงน้ำพระ ณ วันสงกรานต์กันเอย”
เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ คงจะเคยได้ยินเนื้อเพลงนี้กันมาบ้าง โดยเฉพาะในช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทยของทุกปี ซึ่งมาจากส่วนหนึ่งของเพลงรำวงวันสงกรานต์ ของวงสุนทราภรณ์ วงดนตรีเพลงไทยสากลสุดอมตะของเมืองไทย ที่ฟังทีไรก็ชวนให้นึกถึงเสน่ห์และเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามอยู่เสมอ
สงกรานต์ปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีแห่งการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถเล่นน้ำ จัดคอนเสิร์ต หรือสนุกสนานได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่พวกเราก็สามารถเดินทางกลับไปหาครอบครัว คนที่รักและคิดถึงกันได้ หลังจากที่ปีที่แล้วหลายคนไม่ได้ไปไหน เพราะต้องอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ การเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย เพื่อให้เราทุกคนกลับไปเจอคนที่คิดถึงกันได้โดยสวัสดิภาพ
ข้อมูลจากศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ชี้ว่า พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนอันดับต้นๆ คือ ดื่มแล้วขับ และขับรถเร็วเกินกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สวมหมวกนิรภัย ดังนั้น มาตรการสำคัญที่ต้องเน้นย้ำมี 3 ข้อ คือ ดื่มไม่ขับ ขับไม่เร็ว(ไม่เกิน 80 กม./ชม.) และการสวมหมวกกันน็อก
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนถือเป็นเรื่องอันดับต้น ๆ ที่สสส.ให้ความสำคัญและดำเนินการเพื่อกระตุ้นการลดอุบัติเหตุมาตั้งแต่ปี 2546 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดย สสส. สนับสนุนทั้งงานด้านวิชาการ ผลักดันนโยบาย กฎระเบียบใหม่ รวมทั้งการสื่อสารประชาสัมพันธ์ไปยังสังคมด้วย
“ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีวันหยุดยาวติดต่อกัน 6-9 วัน คาดการณ์ว่าจะมีผู้เดินทางทั้งกลับบ้านและท่องเที่ยวจำนวนมาก เนื่องจากปีที่แล้วหลายคนไม่ได้กลับบ้านเพราะสถานการณ์โควิด-19 เมื่อจำนวนผู้เดินทางสูงโอกาสเกิดอุบัติเหตุจึงสูงตามไปด้วย ในปีนี้ สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายลดอุบัติเหตุทางถนนได้รณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ สงกรานต์ดื่มไม่ขับ คิดถึง…กลับให้ถึง อย่างปลอดภัย” เน้น “ดื่มไม่ขับ สวมหมวกกันน็อก และขับไม่เกิน 80กม./ชม.” นางสาวรุ่งอรุณกล่าว
อย่างที่ทราบกันดีว่าช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวนั้น เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนเดินทางกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุมากขึ้นเช่นกัน กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลทั้งสงกรานต์และปีใหม่ พบว่า มากกว่า 50 % ของจำนวนผู้บาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตมีแอลกอฮอล์ร่วมด้วย และพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต์ ซึ่งกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังในการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด คือ กลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี
นอกจากเรื่องของอุบัติเหตุแล้ว ในปีนี้สิ่งที่ต้องระวังเพิ่มขึ้น คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีวัคซีน และมีประชาชนบางส่วนได้รับวัคซีนแล้ว แต่เราก็ยังต้องระมัดระวัง ดูแลตนเอง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอยู่เสมอ คือ ไม่เดินทางไปในพื้นที่แออัดหรือที่ที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก สวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคมเสมอ
ดังนั้น เพื่อให้ช่วงสงกรานต์นี้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ไทยที่เต็มไปด้วยความสุข ทุกคนมีชีวิตวิถีใหม่ที่ปลอดโรค ปลอดภัย จะมีแนวทางในการจัดกิจกรรมและปฏิบัติตนที่ถูกต้องอย่างไรบ้าง ไปดูกัน
แนวทางปฏิบัติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564
กิจกรรมที่สามารถจัดได้
1.สรงน้ำพระ / ทำบุญตักบาตร
2.รดน้ำดำหัว ขอพรผู้ใหญ่
3.เดินทางข้ามจังหวัด โดยยึดมาตรการ D-M-H-T-T
4.จัดงานในพื้นที่โล่งแจ้ง ระบายอากาศได้ดี
กิจกรรมที่ต้องงด
1.รวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ
2.การจัดคอนเสิร์ต
3.กิจกรรมที่มีการสัมผัสกันใกล้ชิด เช่น ประแป้ง เล่นปาร์ตี้โฟม
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ สคอ.ได้เร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือสื่อมวลชนทุกแขนงช่วยเผยแพร่ข่าวสารให้ถึงประชาชนในการขับขี่ปลอดภัย เน้นย้ำถึง ความเสี่ยงและโทษของการดื่มแล้วขับ ขับเร็วและความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนผลิตสื่อประชาสัมพันธ์กระจายแก่ภาคีทั่ว ประเทศทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการเดินทางช่วงสงกรานต์ อยากขอให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการ ใช้รถจักรยานยนต์ขับทางไกล ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากไม่ชินเส้นทาง และเกิดความเหนื่อยล้าจากการขับรถทางไกล สิ่งสำคัญ คือ ก่อนเดินทาง อย่าลืมตรวจเช็กสภาพรถ และพักผ่อนให้เพียงพอทุกครั้ง
เพราะอุบัติเหตุทำให้ใครหลายคนเดินทางกลับไม่ถึงบ้าน สสส. จึงอยากชวนทุกท่านใช้ความคิดถึงกันให้คุ้มค่า เดินทางกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตนตามหลักชีวิตวิถีใหม่ สวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อไปในที่ชุมชน หมั่นล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างทางสังคม รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันอุบัติเหตุ คือ ดื่มไม่ขับ ขับขี่ยานพาหนะด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. สวมหมวกกันน็อกและคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเมื่อใช้ยานพาหนะ เพียงเท่านี้ พวกเราก็จะได้กลับบ้านไปหาคนที่รักและคิดถึงอย่างปลอดภัยทั้งจากอุบัติเหตุและโควิด-19
มาร่วมกันทำให้ทุกความคิดถึงมีความหมาย สสส.ขอส่งความห่วงใยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน ชวนร่วมกันสร้างค่านิยมใหม่ มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง ปฏิบัติตามกฎจราจร “สงกรานต์ปีนี้ ดื่มไม่ขับ กลับให้ถึงบ้าน” กันนะคะ