“จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์ผู้ป่วยและเสียชีวิตขณะอาบน้ำในห้องน้ำที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส ตั้งแต่ปี 2551-2560 มีผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด 31 ราย แยกเป็นผู้ป่วย 24 ราย และเสียชีวิต 7 ราย สำหรับในปี 2561 พบ 1 เหตุการณ์ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ป่วย 1 ราย ผู้ป่วยมีอาการหลังจากอาบน้ำในห้องน้ำ 30 นาที มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว หน้ามืดและหมดสติ”
“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยขณะอาบน้ำในห้องน้ำที่ใช้เครื่องใช้ทำน้ำอุ่นระบบแก๊สเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงฤดูหนาวของทุกปีประชาชนมักนิยมเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนในภาคเหนือและสถานที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งตามสถานที่พักบางแห่งอาจมีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส ทำให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ทราบเกี่ยวกับภัยดังกล่าว ได้รับอันตรายจากการสูดดมแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ ทำให้หมดสติและอาจเสียชีวิตได้ โดยปัจจัยเสี่ยงคือ 1.ระบบระบายอากาศในห้องน้ำไม่เหมาะสม เช่น ไม่มีช่องพัดลมระบายอากาศหรือมีเพียงหน้าต่างเล็กๆ 2.อาบน้ำในห้องน้ำเป็นเวลานาน 3.อาบน้ำเป็นลำดับท้ายๆ และไม่ได้เปิดประตูให้ระบายอากาศก่อนที่คนต่อไปจะเข้าอาบ 4.มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเลือดจาง หอบหืด ถุงลมโป่งพอง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น หากได้รับแก๊สพิษแล้วมีโอกาสเสียชีวิตสูง และ 5.ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สที่ไม่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.) ที่กำหนด กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท ที่พักหรือบ้านที่พักอาศัย ตรวจสอบและติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สที่ได้มาตรฐาน มีถังออกซิเจนขนาดเล็กเพื่อช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน ติดป้ายเตือนและบอกวิธีลดความเสี่ยง เช่น ไม่ควรใช้เครื่องทำน้ำอุ่นนานเกิน 10-15 นาที ไม่ควรอาบน้ำต่อเนื่องกันโดยไม่เว้นระยะเวลา ติดตั้งช่องระบายอากาศให้เพียงพอและมีพัดลมระบายอากาศ เป็นต้น หากอาบน้ำแล้วมีอาการวิงเวียนศีรษะ มึนงง หน้ามืด หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน ขอให้ออกจากห้องน้ำทันที ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422”
*******************************************************
ข้อมูลจาก : ทีม SAT / สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค