ดร. วีรชัย หรือ อาจารย์อ๊อด จากม.เกษตร ตรวจสอบยกนิ้วพร้อมยืนยัน น้ำแร่จากบ่อน้ำพุโซดาคุณภาพเต็ม 100 ดื่มดีมีประโยชน์ ทุกขั้นตอนได้มาตรฐาน พร้อมย้ำห้ามดื่มตรงจากบ่อ ต้องผ่านระบบกรอง เพราะมีธาตุเหล็กสูง ส่งผลต่อสุขภาพ ด้านอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เผยครม.ลุงตู่มีความสุขกับน้ำแร่ พร้อมย้ำใครจะประกอบกิจการน้ำบาดาลในพื้นที่ต้องขออนุมัติจากอธิบดีเท่านั้น
นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมด้วย รศ. ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด จากภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน พร้อมด้วยคณะได้ลงพื้นที่โครงการศึกษา สำรวจ และรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงการซ้ำซ้อน (บ่อน้ำพุโซดา) บ้านทุ่งคูณ หมู่ที่ 19 ตําบลห้วยกระเจา พอำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อตรวจติดตามโรงผลิตน้ำดื่มจากบ่อน้ำพุโซดา และระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำ
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามและตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบ่อน้ำพุโซดา เป็นข้อมูลตามที่ได้มีการนำเสนอ เช่น สภาพทางเคมีวิทยา ที่ได้มีการทดสอบทั้งในพื้นที่ และห้องปฏิบัติการของกรมที่ส่วนกลาง ที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างหรือพีเอช อยู่ที่ 6.8 ซึ่งมีกรดคาร์บอนิก ก็เหมือนกับน้ำอัดลมหรือน้ำโซดาทั่วไป รวมถึงมีซัลเฟต ถือว่าน้อยมาก หากใครที่ทานน้ำแล้วจะพบว่า มีอาการระบายท้อง สาเหตุเป็นเพราะซัลเฟตนี้ แต่ที่บ่อน้ำพุโซดาพบว่ามีน้อยมาก หรือ ข้อมูลด้านสัณฐานวิทยา เป็นน้ำที่ซึมมาจากชั้น ใต้ดินผ่านชั้นหินปูน ทำให้มีคาร์บอเนตค่อนข้างสูง เป็นต้น ทุกอย่างจึงเป็นข้อเท็จจริงตามที่กรมทรัพยากร น้ำบาดาลรายงาน
“ แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ มีธาตุเหล็กค่อนข้างสูงโดยพบปริมาณที่อยู่ในน้ำดิบถึง 10 พีพีเอ็ม. หากทานเข้าไปจะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคนิ่วได้ สังเกตได้จากหากนำน้ำพุจากบ่อไปโดยตรง เมื่อทิ้งไว้ สักพักจะเปลี่ยนเป็นสีแดง นั่นคือเหล็กที่มีอยู่และเปลี่ยนรูป ดังนั้นธาตุเหล็กคือปัญหาหลัก ในขณะที่ แร่ธาตุอื่นนั้นไม่มีปัญหา แต่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้แก้ปัญหาด้วยการติดตั้งระบบเครื่องกรองธาตุเหล็ก ทำให้ธาตุเหล็กที่มีมากถึง 10 พีพีเอ็ม ให้เหลือ 0 พีพีเอ็ม หรือเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่ไม่มีธาตุเหล็กแล้ว ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชนทุกคนว่า อย่านำน้ำแร่จากบ่อน้ำพุโซดาไปบริโภคโดยตรง ต้องผ่านระบบเครื่องกรองของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก่อนเท่านั้น โดยมารับได้ที่จุดแจกจ่ายน้ำที่ได้ติดตั้งไว้ มารับได้เลย เพราะบริสุทธิ์ บริโภคได้เลย”
ดร.วีรชัยกล่าวต่อไปว่า ส่วนที่สำคัญอีกประการได้แก่ เชื้อโรคกลุ่มแบคทีเรีย ซึ่งตรวจแล้วพบว่า ไม่มีเลย ซึ่งเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ที่หากมีกรดคาร์บอนิก ค่อนข้างสูงแล้วเชื้อโรคจะอยู่ไม่ได้ อีกทั้ง กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีการส่งน้ำไปยังกรุงเทพ เพื่อทำน้ำแร่ ก็เป็นไปตามกระบวนการผลิตน้ำแร่เหมือนกับในต่างประเทศ ที่ต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ เช่น การพลาสเจอร์ไรส์ และการที่ไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย. เป็นเพราะกรมผลิตเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อจำหน่าย จึงไม่ต้องมีการขอเครื่องหมาย อย.
“ตอนแรกมีความคิดว่าจะน้ำจากบ่อน้ำพุโซดาไปตรวจสอบที่ห้องปฏิบัติทดลองของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่เมื่อมาดูในขั้นตอนการผลิตต่าง ๆ รวมถึงเครื่องมือ เทคโนโลยีต่าง ๆ ห้องปฏิบัติการ และบุคลากรของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล แล้วพบว่า มีมาตรฐานไว้ใจได้ จึงไม่จำเป็นต้องนำไปตรวจสอบซ้ำอีก ดังนั้น ขอยืนยันว่า น้ำแร่จากบ่อน้ำพุโซดาที่อำเภอห้วยกระเจาแห่งนี้ดื่มได้แน่นอน ” ดร.วีรชัย กล่าวในที่สุด
ขณะที่ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาภัยแล้งในเขตพื้นที่อำเภอห้วยกระเจา และอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรีนั้น กรมทรัพยากรน้ำบาดาลยังคงดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการขยายการเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อสร้างแหล่งน้ำให้ประชาชน โดยล่าสุดเพิ่มเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่า บ่อน้ำบาดาลที่เจาะใหม่ ห่างจากจุดบ้านทุ่งคูณไปประมาณ 2 กิโลเมตร เจาะพบน้ำบาดาลที่ความลึก 180 เมตร มีปริมาณน้ำ 20 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง และมีคุณภาพน้ำค่อนข้างดี
“ ส่วนการพัฒนาบ่อน้ำพุโซดาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างไรต่อไปนั้น เป็นเรื่องของหน่วยงานต่าง ๆในส่วนกลางหรือท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนั้นเน้นดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการดูแลระบบให้มีน้ำพุอย่างนี้ตลอดไป”
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวต่อไปว่า จากที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้นำน้ำแร่จากบ่อน้ำพุโซดาไปมอบให้กับคณะรัฐมนตรีได้รับประทานในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่า คณะรัฐมนตรีทุกท่านมีความสุขกับน้ำแร่จากบ่อน้ำพุโซดาแห่งนี้ ก็รู้สึกดีใจแทนประชาชนชาวอำเภอห้วยกระเจา เพราะเป็นน้ำแร่ที่คุณภาพดี มีราคาสูงและดีต่อสุขภาพด้วย
“ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า มีภาคเอกชนเข้ามาซื้อที่ดินจากชาวบ้านในพื้นที่เจาะบ่อน้ำบาดาลในกรณีนี้ ต้องเรียนว่า หากผู้ใดจะประกอบการกิจการน้ำบาดาล หมายความว่า จะขุดเจาะและใช้ ผู้นั้นจะต้องขออนุญาตจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเท่านั้น”นายศักดิ์ดา กล่าวในที่สุด