พาณิชย์’ จับมือ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก SME Bank และ ส.ผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station นำผลิตภัณฑ์ชุมชนเข้าจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ภายใต้แคมเปญ “ไทยเด็ด” พร้อมจัดงาน “ไทยเด็ด แมชชิ่งเดย์” จับคู่ธุรกิจคัดสรรผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ตรงใจผู้บริโภค
กระทรวงพาณิชย์ จับมือ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก SME Bank และ สมาคมการค้าผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station นำผลิตภัณฑ์ชุมชนเข้าจำหน่ายภายในร้านขายของฝากสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ภายใต้แคมเปญ “ไทยเด็ด” คิ๊กออฟเฟสแรก 14 ปั๊มน้ำมันกระจายทุกภูมิภาค พร้อมจัดงาน “ไทยเด็ด แมชชิ่งเดย์” เปิดโอกาสให้ผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station จับคู่ธุรกิจพร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ชุมชนเข้าจำหน่าย ณ จุดขายของฝากให้ตรงใจผู้บริโภค นำร่องโมเดลแรกจังหวัดนครราชสีมา มั่นใจ!! ช่วยขยายช่องทางการตลาด/กระจายผลิตภัณฑ์ชุมชนมากขึ้น สร้างความเข้มแข็งและเพิ่มรายได้ให้ชุมชน เศรษฐกิจฐานรากแข็งแกร่ง …เศรษฐกิจประเทศมั่นคง ยั่งยืน
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งขยายช่องทางการตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์ชุมชนของไทย โดยคำนึงถึงความหลากหลายของแหล่งกระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม รวมถึงเป็นสถานที่ที่ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าได้สะดวก พร้อมที่จะนำไปอุปโภคบริโภคหรือนำไปเป็นของฝากของกำนัล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงได้จับมือกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME Bank และ สมาคมการค้าผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ดำเนินการสร้างและพัฒนาจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ณ จุดจำหน่ายสินค้าภายในร้านขายของฝาก สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ภายใต้แคมเปญ “ไทยเด็ด” และจะใช้แคมเปญนี้เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนดังกล่าว”
“เบื้องต้น จะนำผลิตภัณฑ์ชุมชนของผู้ผลิตที่มีแหล่งผลิตสินค้าบริเวณใกล้เคียงสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เข้าจำหน่าย ณ จุดจำหน่ายสินค้าภายในร้านขายของฝาก โดยผู้ที่ต้องการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนคุณภาพดี ณ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้สังเกตป้ายประชาสัมพันธ์ “ไทยเด็ด” เป็นหลัก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ได้รับการคัดสรรเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพื่อให้ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการได้เลือกซื้อนำกลับไปอุปโภคบริโภคหรือนำไปเป็นของฝากของกำนัล เฟสแรกเริ่มจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station จำนวน 14 แห่ง ประกอบด้วย ภาคเหนือ 3 แห่ง : จ.พิจิตร (2 แห่ง) จ.กำแพงเพชร (1 แห่ง) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 แห่ง : จ.นครราชสีมา (2 แห่ง) จ.บุรีรัมย์ (3 แห่ง) จ.มหาสารคาม (2 แห่ง) และ จ.อุบลราชธานี (1 แห่ง) ภาคตะวันออก 2 แห่ง : จ.ระยอง (1 แห่ง) และ จ.จันทบุรี (1 แห่ง) ภาคใต้ 1 แห่ง : จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากนั้น จะทำการประเมินผลสำเร็จ วิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็ง และนำมาปรับปรุงรูปแบบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนและคุณภาพการให้บริการต่อไป”
“นอกจากนี้ ในวันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2561) กรมฯ และหน่วยงานพันธมิตรดังกล่าวข้างต้น ได้ร่วมกันจัดงาน “ไทยเด็ด แมชชิ่งเดย์” (THAI DET Matching Day) ขึ้น ณ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station หจก.สยามด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ได้เจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อคัดสรรสินค้าเข้าจำหน่าย ณ จุดจำหน่ายสินค้า ซึ่งผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันในพื้นที่จะเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในการเลือกซื้อสินค้าทั้งประเภทสินค้า รูปลักษณ์ การบรรจุหีบห่อ (Packaging) การใช้ประโยชน์ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้โครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี รวมทั้ง เป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนที่จะได้รับคำแนะนำจากผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันในการพัฒนาสินค้าให้ตรงความต้องการของลูกค้าและตลาด ทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนมีโอกาสที่จะขยายตลาดครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station หจก.สยามด่านขุนทด เป็นสถานีบริการน้ำมัน PTT Station นำร่องในการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนเข้ามาจำหน่ายในจุดจำหน่ายสินค้าภายในร้านขายของฝาก และจะเป็นโมเดลสำหรับสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอื่นๆ ต่อไป”
อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กับหน่วยงานพันธมิตรในครั้งนี้ เป็นการยกระดับและพัฒนาสินค้าวิสาหกิจชุมชน หรือ เอสเอ็มอีรายย่อยให้มีความเข้มแข็ง สินค้าได้รับการพัฒนาให้มีมาตรฐานเดียวกัน สามารถขยายตลาดและมีแหล่งกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เกิดการจ้างงาน ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลถึงระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศที่จะมีความมั่นคง และยั่งยืน มากขึ้น”
****************************************
ที่มา : กองธุรกิจภูมิภาคและชุมชน