ก.ล.ต. เดินหน้าขับเคลื่อน 8 แผนยุทธศาสตร์ปี 2564 – 2566 ตอบโจทย์ 5 เป้าหมาย “ฟื้นฟูและเข้มแข็ง–ยั่งยืน–เข้าถึง–แข่งได้และเชื่อมโยง–เชื่อถือได้” ครอบคลุมและเชื่อมโยงทุกมิติกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาตลาดทุน และแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ COVID-19 รวมทั้งสอดรับกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ (megatrends) โดยรับฟังความเห็นของผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้านเพื่อยกระดับตลาดทุนไทยต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดงานแถลงแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ปี 2564 – 2566 ภายใต้แนวคิด “Strengthening Resilient Future” โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการสัมมนาและปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “บทบาทตลาดทุนกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศปี 2564” พร้อมมอบรางวัลภายใต้โครงการ ASEAN Corporate Governance Scorecard ให้แก่บริษัทจดทะเบียนไทย เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ณ โรงแรม ดิแอทธินี โฮเทล แบงค็อก
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ก.ล.ต. ถือเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่กำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนของไทยให้มีความน่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพ และทุกภาคส่วนเข้าถึงได้ เพื่อให้ตลาดทุนเป็นกลไกที่เชื่อมโยงระหว่างกิจการที่ต้องการเงินทุนและผู้ลงทุน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายกิจการ การจ้างงาน การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของกิจการในประเทศ และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป และที่ผ่านมา ก.ล.ต. ทำงานใกล้ชิดกับภาครัฐมาโดยตลอด
ในส่วนของตลาดทุนมี 5 เรื่องสำคัญ ดังนี้
(1) การอำนวยความสะดวกให้กิจการที่ประสบปัญหา COVID-19 สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
(2) การสร้างความเข้าถึงตลาดทุนทั้งการลงทุนและการระดมทุน เพื่อช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ (inequality) ของประเทศ
(3) การยกระดับความเชื่อมั่นและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของตลาดทุน
(4) การพัฒนาการเงินที่ยั่งยืน (sustainable finance) โดยตลาดทุนสามารถขับเคลื่อนการจัดสรรเงินทุนไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และมีธรรมาภิบาล (ESG) และ
(5) การมีเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งในมิติของการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกำกับดูแลคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ในส่วนของสินทรัพย์ดิจิทัล ก.ล.ต. ต้องดูแลและให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน เพื่อให้รู้เท่าทันและมีการบริหาร