ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวนักศึกษาอาชีวศึกษา จากวิทยาลัยเทคนิคลำปาง ร่วมกับคุณลุงพลเมืองดีท่านหนึ่ง ได้พบและช่วยเหลือเด็กทารกถูกทิ้งที่บริเวณป่าช้า ชุมชนบ้านป่าแลว หมู่ 1 ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 61 โดยได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพ โรงพยาบาลลำปาง สายด่วน 1669 ซึ่งหลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพก็รีบนำรถออกไปรับตัวเด็กทารกโดยด่วน เรื่องนี้ ตนได้สอบถามไปยังนายจีระพงษ์ แสงวณิช ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคลำปาง ซึ่งได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักศึกษาที่ช่วยเหลือมี 2 คน คือ นายธนาคาร นามเตจ๊ะ และนายสิทธิพงษ์ พิริยะ ทั้งสองเป็นนักศึกษาสาขาช่างกลโรงงาน ระดับชั้น ปวช.3 เรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคลำปาง กำลังขับรถกลับจากสถานที่ฝึกงานคือ บริษัท แม่วังกลการ เพื่อจะไปทานข้าวเย็นและกลับบ้านพัก ระหว่างทางเจอคุณลุงยืนอยู่กับสุนัข 2 ตัว โบกมือเรียก คิดว่าลุงคงต้องการความช่วยเหลือ ทั้งสองจึงหยุดรถเพื่อจะสอบถาม แต่สิ่งที่เห็นทำให้ตกใจมากคือข้างหลังลุง มีเด็กทารกเพศชาย สภาพสมบูรณ์ ไมสวมเสื้อผ้า มีสายสะดือติดคาอยู่ นอนดิ้นอยู่บนถุงพลาสติกสีขาว โดยไม่มีเสียงร้อง และลุงไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวมาเพราะมาออกกำลังกายกับสุนัข 2 ตัว จึงได้ขอใช้โทรศัพท์ของนายธนาคาร นามเตจ๊ะ ซึ่งนายธนาคารก็ไม่ลังเลรีบยื่นโทรศัพท์ให้ลุงแจ้งสายด่วน 1669 ทันที และระหว่างนั้นก็เข้าไปดูเด็กทารกกับลุง พากันเฝ้าระวังจนรถกู้ชีพมาและทำความสะอาดให้หลังจากนั้นก็เอาผ้ามาห่อตัวเด็กแล้วนำไปโรงพยาบาลลำปางทันที
นายจีระพงษ์ แสงวณิช ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคลำปาง กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงที่นักศึกษาทั้งสอง พบลุงและเด็กทารก เป็นช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. นักศึกษากำลังจะไปทานข้าวเย็นเพราะเพิ่งกลับมาจากฝึกงาน แต่เมื่อมาเห็นสภาพของเด็กทารกและลุงที่เป็นพลเมืองดียืนอยู่คนเดียว จึงตัดสินใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนแม้ว่าจะหิวแต่จะทิ้งชีวิตเล็ก ๆ ที่เห็นอยู่ตำตาไปไม่ได้ และกำลังตัดสินใจว่า ถ้ายังไม่มีรถกู้ชีพมาก็จะโทรแจ้งผู้อำนวยการวิทยาลัยให้นำคนมาช่วยเหลือ
นายธนาคาร นามเตจ๊ะ หนึ่งในนักศึกษากล่าวว่า “ผู้อำนวยการวิทยาลัยพูดย้ำหน้าเสาธงเสมอ ๆ ว่า ความเป็นอาชีวะ หรือเป็นเด็กเทคนิคนั้น นอกจากจะมีฝีมือ มีความรู้ในเรื่องอาชีพแล้ว เด็กทุกคนต้องมีจิตอาสาด้วย มีหน้าที่เพื่อสังคม จะดูดายไม่ได้ ต้องช่วยเหลือกัน เพื่อสร้างสังคมให้น่าอยู่ ต่อไปไม่ว่าจะมีวิกฤตอะไรผมและเพื่อน ๆ อาชีวะก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือด้วยความเต็มใจครับ ครั้งนี้ดีใจมากที่ได้มีส่วนช่วยให้น้องตัวเล็กคนนี้มีชีวิตอยู่ต่อไป แม้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเค้าจะไม่ต้องการ แต่ผมว่าน้องตัวเล็กเค้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เค้ามีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตต่อไปครับ คนเราต้องหาทางออกได้ดีกว่านี้อย่าทำให้ใครต้องรับกรรมแทน มันเป็นตราบาป”