วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้าร่วมพิธีเปิด “การสัมมนาเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคว่าด้วยการมีส่วนร่วมกับสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมสิทธิในที่ดินที่เป็นสิทธิมนุษยชน” (Engaging National Human Rights Institutions Toward the Promotion of Land Rights as Human Rights) ณ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ แกรนด์ สุขุมวิท จัดโดยเครือข่ายองค์กรเอกชนเพื่อการปฏิรูปการเกษตรและการพัฒนาชนบทแห่งเอเชีย (Asian NGO Coalition for Agrarian Reform and Rural Development – ANGOC) และเครือข่ายที่ดินระหว่างประเทศแห่งเอเชีย (ILC Asia) ร่วมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP)
นายวัส กล่าวถ้อยแถลงในช่วงพิธีเปิดตอนหนึ่งว่า ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน เป็นปัญหาสำคัญที่พบในประเทศไทยเช่นเดียวกับประเทศในกลุ่ม ANGOC คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พบว่า ปัญหาในพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่อนุรักษ์ตามกฎหมาย มีสาเหตุหลักมาจากกฎหมายภายในของไทยกำหนดให้ที่ดินที่ไม่มีเอกชนได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินเป็น “ป่าไม้” ทั้งหมด โดยไม่ได้พิจารณาสภาพความเป็นจริงของที่ดิน นอกจากนั้นบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวกับพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งมีโทษทางอาญา ยังมี “ข้อกฎหมายปิดปาก (Estoppel)” ที่ไม่ยอมให้นำพยานหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลว่า ประชาชนที่ถือครองที่ดินอยู่มาก่อนการประกาศเขตป่า โดยเฉพาะชุมชนชาติพันธุ์
ที่อยู่ในป่า อาจไม่ทราบถึงการกำหนดเขตดังกล่าวของภาครัฐ จึงกระทบต่อสิทธิของประชาชน
นายวัส กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ เป็นต้นมา กสม. ได้พิจารณาออกข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องรวม ๓ เรื่อง เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาตามหลักสิทธิมนุษยชน ได้แก่ (๑) ข้อเสนอแนะที่ ๑/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๐ เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างพื้นที่ป่าไม้ตามกฎหมาย พื้นที่อนุรักษ์ และที่ดินที่ประชาชนถือครอง (๒) ข้อเสนอแนะที่ ๓/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ เกี่ยวกับสิทธิในที่ดินของชุมชนชาติพันธุ์ดั้งเดิม และ (๓) ข้อเสนอแนะที่ ๔/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาการทับซ้อนของแนวเขตที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงกับที่ทำกินของประชาชน
“ข้อเสนอแนะบางส่วนได้มีการรับฟังความคิดเห็นขององค์กรภาคประชาสังคมด้วย และปัจจุบันคณะรัฐมนตรีได้รับข้อเสนอแนะทั้งสามเรื่องนี้ไปพิจารณาและเตรียมพร้อมในการแก้ไขปัญหากระบวนการเป็นการแสดงถึงความร่วมมือระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รัฐบาล และองค์กรภาคประชาสังคม ในการที่จะมุ่งแก้ไขปัญหาด้านสิทธิในที่ดินและป่าไม้ของประเทศไทย โดย กสม. จะติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป” ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุ
เผยแพร่โดย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ