กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์อนามัยที่ 10 อุบลราชธานี ร่วมกับกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 จัดพิธีประกาศมาตรการสู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literate School) ด้านโภชนาการ ด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย และด้านทันตสุขภาพ ชูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองใหญ่เป็นต้นแบบแห่งแรก เพื่อส่งเสริมเด็กวัยเรียน ให้แข็งแรง ฉลาด และดูแลสุขภาพของตนเองได้
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีประกาศมาตรการสู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literate School) ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองใหญ่ ตำบลรุง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า รัฐบาลมีนโยบายในการปฏิรูปความรอบรู้และการสื่อสารด้านสุขภาพ เพื่อผลักดันให้การทํางานด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการสร้างพลเมืองไทยให้เป็นพลเมืองที่มีสุขภาพดีอย่างเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งปัจจัยสู่ความสําเร็จของการปฏิรูปความรอบรู้และการสื่อสารสุขภาพ คือ การพัฒนาความสามารถของประชาชนให้มีความสามารถในการดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้โดยการสร้างเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ตามข้อเสนอขององค์การอนามัยโลกที่กล่าวว่า “การพัฒนาและส่งเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพเป็นการสร้างและพัฒนาขีดความสามารถในระดับบุคคลในการธํารงรักษาสุขภาพตนเองอย่างยั่งยืน” ดังนั้น กรมอนามัยจึงได้กำหนดให้การส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพเป็นนโยบายในการขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพตามนโยบายการปฏิรูปความรอบรู้และการสื่อสารสุขภาพแห่งชาติ อันจะนําไปสู่ผลลัพธ์ที่ประชาชนไทยทุกกลุ่มวัยมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ
“จากข้อมูลการสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพของคนไทยกลุ่มอายุ 7 – 18 ปีในปี 2557 พบว่า ในสถานศึกษาซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของการส่งเสริมพฤติกรรมตามแนวทางสุขบัญญัติแห่งชาติส่วนใหญ่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพอยู่ในระดับพอใช้ ร้อยละ 86.48 และมีเพียงร้อยละ 5.25 เท่านั้นที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพในระดับดีมาก การประกาศมาตรการสู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literate School) ในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งเสริมให้เด็กวัยเรียนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพมากขึ้น โดยมีการกำหนดมาตรการดังนี้ 1) ด้านโภชนาการ ได้แก่ กำหนดรายการอาหารโดยใช้หลักการของโปรแกรม Thai School Lunch จัดบริการอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการตามคู่มือการปฏิบัติงานโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดให้นักเรียนทุกคนดื่มนมจืดทุกวัน วันละ 2 แก้ว และบูรณาการความรู้ด้านอาหารและโภชนาการเข้ากับสาระการเรียนรู้ ให้ครอบคลุมทุกสายชั้น 2) ด้านกิจกรรมทางกาย ได้แก่ จัดกิจกรรมทางกายสำหรับนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอทุกวัน วันละ 60 นาที บูรณาการความรู้ด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเข้ากับสาระการเรียนรู้ ให้ครอบคลุมทุกสายชั้น และ พัฒนาสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการออกกำลังกายและสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชน และคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมทางกายให้กับนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน และ3) ด้านการส่งเสริมทันตสุขภาพ โดยจัดกิจกรรมให้นักเรียนทุกคนแปรงฟันหลังอาหารกลางวันทุกวัน ผู้ปกครองและชุมชน ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนแปรงฟันก่อนนอน ไม่กินขนมถุงกรุบกรอบและไม่ดื่มน้ำอัดลมเกิน 2 ครั้งต่อวัน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ทางด้านนายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 10 อุบลราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์อนามัยที่ 10 อุบลราชธานี และกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 ได้ร่วมสนองงานตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยในสุขภาพเด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร มาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2523 โดยได้ดำเนินโครงการส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพอนามัยเด็กและเยาวชน ในถิ่นทุรกันดาร ตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีฉบับที่ 5 พ.ศ. 2560 – 2569 และมีการกำหนดนโยบาย “โรงเรียนรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literate School) เพื่อส่งเสริมเด็กวัยเรียน ให้แข็งแรง ฉลาด และดูแลสุขภาพของตนเองได้ ซึ่งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองใหญ่ถือเป็นต้นแบบรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literate School) แห่งแรก ทั้งด้านโภชนาการ ด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย และด้านทันตสุขภาพ โดยมีผู้บริหารโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั้ง 14 แห่ง คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหารจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ ผู้บริหารเขตสุขภาพที่ 10 ศูนย์วิชาการและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 300 คน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีฯ นอกจากนี้ ยังได้มีการมอบเสื้อกันหนาวและสิ่งสนับสนุนให้กับนักเรียนในโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน และการแสดงกิจกรรมเพื่อลดปัญหาภาวะผอมและเตี้ยในนักเรียนอีกด้วย” ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 10 อุบลราชธานี กล่าว
***
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ