การเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 จากการระบาดรอบสอง ทำให้มาตรการด้านการเรียนออนไลน์ต้องกลับมาคิดกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการเรียนออนไลน์ในช่วง Next New Normal ของประเทศสิงค์โปร์ว่าเขาดำเนินการและวัดผลการเรียนของเด็กอย่างไร โดยคุณศุภนุช ชือรัตนกุล (ครูเบล) ครูติวสอบเข้า AEIS ที่ 1 ของการเรียนประเทศสิงคโปร์ พร้อมแชร์ประสบการณ์ให้ผู้ปกครองและเด็กไทยได้เรียนรู้กัน จากผลคะแนนการสอบ O level
คุณศุภนุช (ครูเบล) เปิดเผยว่า ที่ประเทศสิงคโปร์ในขณะนี้ไม่มีการระบาดของโควิด-19 กล่าวคือสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยให้เด็ก ๆ กลับไปโรงเรียนเหมือนเดิม แต่ก็มีข้อสังเกตประการหนึ่ง คือในช่วงที่ประเทศสิงค์โปร์ประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด– 19 ในช่วงแรกทางกระทรวงศึกษาของประเทศสิงคโปร์ให้เด็กไปเรียนออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม “Student Learning Space” (SLS) และแอฟพลิเคชั่น ZOOM พร้อม ๆ กับออกมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 โดยแยกเป็น 3 เฟส ได้แก่ เฟสแรกจะให้เด็กเรียนออนไลน์เต็มตัว เฟสสองให้เด็กบางชั้นเข้าโรงเรียนปกติ ขณะที่บางชั้นเรียนออนไลน์เพื่อจำกัดจำนวนเด็กที่มาโรงเรียน และเฟสสาม คือเด็กทุกคนกลับเข้าไปโรงเรียนปกติหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่สิงค์โปร์ควบคุมได้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามการเรียนออนไลน์ของประเทศสิงคโปร์นั้นใช้การวัดผลอย่างไรว่าประสบความสำเร็จและเป็นที่พอใจของผู้ปกครองหรือไม่ ตรงนี้ขอให้ดูผลการสอบ O level หรือ การสอบวัดระดับความสามารถของนักเรียน ในการสอบเข้าระดับปริญญาตรี ที่ประเทศสิงคโปร์พึ่งประกาศออกมาล่าสุด ผลการสอบของนักเรียนสิงคโปร์มีคะแนนไม่ตก ถ้าเปรียบเทียบกับผลการสอบของปีที่แล้ว จะมีเพียงความรู้สึกของผู้ปกครองเท่านั้นที่บอกว่าประมาณ 70-80 % รู้สึกว่าผลการเรียนของเด็กดรอปลง
สำหรับการเรียนผ่านระบบออนไลน์ที่ประเทศสิงค์โปร์ไม่มีปัญหาเรื่องเครื่องมือหรือแลปท็อป และสัญญาณ Wi-Fi ในการเรียนของเด็ก เพราะถ้าบ้านไหนไม่มีเครื่องแลปท็อป ทางโรงเรียนจะให้ยืมใช้ แต่เมื่อครบ 1 ปี เด็กต้องนำแลปท็อปมาคืนให้กับโรงเรียนเพื่ออัพเดทซอฟต์แวร์ใหม่ แต่หากเด็กทำเครื่องเสียหายต้องชดใช้ให้กับทางโรงเรียน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เด็กมีความรับผิดชอบและระมัดระวัง ส่วนเนื้อหาในการเรียน ทางโรงเรียนของประเทศสิงคโปร์จะมีการควบคุมเนื้อหา โดยให้เด็กเข้ารหัสแว็บไซต์เพื่อเข้าสู่การเรียนออนไลน์ แต่การเรียนออนไลน์ก็มีข้อเสียด้วยยังต้องปรับปรุงบางอย่างให้ดีขึ้น เช่น การติดตั้งกล้องทั้ง 3 มุม เพื่อให้ได้มุมมอง 3 มิติ ในการติดตามเด็กให้รู้ว่าเด็กกำลังทำอะไร รวมทั้งการปิดกั้นการเล่มเกมของเด็กด้วย ซึ่งจะต้องดำเนินการให้ดีขึ้นต่อไป
นอกจากนี้การเรียนของประเทศสิงคโปร์ยังให้ความสำคัญกับกิจกรรมหลังเลิกเรียน โดยมุ่งเน้นให้เด็กเลือกเรียนได้หลายสาขา ทั้งฝึกหัดประกอบหุ่นยนต์ การเล่นกีฬา คือให้มีการฝึกซ้อมที่บ้าน ซึ่งข้อดีของการเรียนที่ประเทศสิงค์โปร์คือใช้มาตรฐานเดียวกัน ตำราเดียวกัน ใช้หนังสือเล่มเดียวกันเหมือนกันหมด
อย่างไรก็ตาม การเรียนออนไลน์ หนักที่สุดอยู่ที่คุณครูด้วย เพราะต้องปรับตัวในการเรียนการสอนใหม่หมด ครูต้องเข้าใจเทคโนโลยี และครูที่ประเทศสิงคโปร์ไม่ใช่แค่สอน แต่ครูจะต้องมี Relationship กับเด็กทุกคน เด็กสามารถ Line มาถามการบ้านกับครูได้และครูผู้สอนต้องมีความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสิ่งที่ครูบางคนรับได้ขณะที่บางคนอาจจะรับไม่ได้
“สิ่งสำคัญของการเรียนออนไลน์ไม่ว่าจะเด็กเล็ก หรือเด็กโต คือ วินัย โดยทางรัฐบาลของประเทศสิงคโปร์จะยังคงให้ความสำคัญกับการเรียนออนไลน์ต่อไป โดยเด็กต้องเรียนออนน์ 2 ครั้ง / เดือน แม้จะไม่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วก็ตาม ทั้งนี้เพื่อสร้างความคุ้นชินให้กับเด็ก เนื่องจากประเทศสิงคโปร์นั้นมองไปถึงอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งตอนนั้นมหาวิทยาลัยอาจจะไม่ใช่ทางเลือก สำหรับครูเบล ขณะนี้ก็เปิดสอนออนไลน์กับเด็กที่อยู่ในต่างจังหวัด ที่ต้องการติวแต่ไม่สามารถเดินทางมาที่กรุงเทพฯ ได้ ” คุณศุภนุช กล่าวทิ้งท้าย
…………………………….