บางจากฯ วางแผนรับปี 2564 แคล่วคล่อง ว่องไว ปรับได้ตามสถานการณ์ และเติบโตต่อเนื่องผ่านธุรกิจสีเขียว

บางจากฯ แถลงแผนยุทธศาสตร์ปี 2564 พร้อมปรับตัวรองรับสถานการณ์ความเสี่ยงจากโควิด-19 และอุตสาหกรรมน้ำมันที่ผันผวน ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างคล่องตัว ปรับได้ตามสถานการณ์ปรับโรงกลั่นเป็น Niche Products Refinery ขยายสู่ตลาดใหม่ๆ เช่นเคมีภัณฑ์ และเติบโตต่อเนื่องผ่านธุรกิจสีเขียว

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 และราคาน้ำมันโลกที่ผันผวน ต่อเนื่องจากปี 2563 สู่ปี 2564 ทำให้บางจากฯ ให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงานที่กระชับ คล่องตัว ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ พร้อมปรับองค์กรเพื่อความยั่งยืนผ่านแนวคิด 3Rs – Refocus: การเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด Restructure: การปรับองค์กรเพื่อสร้างช่องทางในการเข้าถึงตลาดและลูกค้า และ Reimagine: การใช้โอกาสและเครื่องมือในการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท

โดยกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมันที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งสองมากที่สุด ได้มีการปรับโรงกลั่นเป็น niche products refinery นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาด จากเดิมที่ผลิตน้ำมันประเภทต่างๆ บริษัทได้ขยายเป็นผู้ผลิต UCO (Unconverted Oil) รายเดียวในประเทศไทย และในปีนี้ได้ขยายและปรับเปลี่ยนเพื่อให้ได้ความหลากหลายเพิ่มขึ้นอีก เช่น สารทำละลาย  (solvent)  ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการทำละลายและเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมสี ทินเนอร์ การผลิตเรซิน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสารทำละลายภายใต้ชื่อ BCP White Spirit 3040 และยังวางแผนต่อยอดผลิตภัณฑ์หลากหลายในอนาคตอันใกล้ เช่นนำน้ำมันเตาเกรดพิเศษใช้เป็นสารตั้งต้นของการผลิต wax เพื่อนำไปผลิตเทียนไข น้ำยาขัดเงา สารเคลือบภาชนะกระดาษ เป็นต้น

สำหรับกลุ่มธุรกิจการตลาด สถานีบริการน้ำมันบางจากสามารถครองความนิยมเป็นลำดับที่ 1 ในใจของผู้ใช้บริการจากดัชนีวัดความพึงพอใจของลูกค้าตามผลประเมิน Net Promoter Score (NPS) ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ก็มีแผนรักษาความพึงพอใจของลูกค้า ด้วยการทำให้สถานีบริการน้ำมันบางจากเป็น “greenovative destination” พร้อมหาทางขยายธุรกิจทั้งในส่วนของสถานีบริการและธุรกิจ non-oil อย่างต่อเนื่อง

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าเป็นผู้นำธุรกิจผลิตไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน มีแผนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และได้เพิ่มทุนประมาณ 10,000 ล้านบาทไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งบางจากฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มสัดส่วนเพื่อเสริมฐานะทางการเงินของบีซีพีจีให้มีความแข็งแกร่ง รองรับแผนขยายธุรกิจในอนาคต ในขณะที่บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ก็ได้ขยายธุรกิจสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง ช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของประเทศด้วย bio economy ผ่านการลงทุนใน Manus Bio Inc. ผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพระดับโลก

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายธุรกิจผ่านนวัตกรรมพลังงานสีเขียวอื่นๆ เช่น การบริหารจัดการจักรยานยนต์และสามล้อไฟฟ้า และการแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ (battery swapping) โดยตั้งเป้าหมายขยาย Winnonie สตาร์ทอัพให้เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในกลุ่มบางจากฯ เป็น 10,000 คันในปี 2566 และได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในการขยายจุดชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า EV Charger ในสถานีบริการน้ำมันบางจากไม่น้อยกว่า 150 สาขาทั่วประเทศ ภายในปี 2564

การควบคุมค่าใช้จ่ายนับเป็นเรื่องสำคัญในการบริหารธุรกิจในภาวะวิกฤติ ในปี 2563 บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 900 ล้านบาท และมีการปรับโครงสร้างการลงทุน ใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับการลงทุน สำหรับปี 2564 ได้จัดทำงบประมาณ 3 ชุด คือกรณีฐาน (base case) กรณีที่เป็นไปได้ (likely case) และกรณีที่เลวร้ายที่สุด (worst case) เพื่อเลือกใช้ตามสถานการณ์

“ปี 2563 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปเปรียบเสมือนกับการกดปุ่ม “reset” ตั้งต้นใหม่ในหลายๆ ด้านเพื่อให้เกิดกระบวนการทำงานที่กระชับ คล่องตัว พร้อมรับสถานการณ์จะเกิดขึ้นในปี 2564  ทั้งนี้ กลุ่มบางจากฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มรายได้ธุรกิจสีเขียวเป็น 40-50% ในปี 2567 และตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนเป็น 0 ในปี 2573” นายชัยวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย

—————————-