ร้อยตำรวจตรี มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า กทท. ได้จัดการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนสำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 (ครั้งที่ 2) ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ มีความครบถ้วนตามขั้นตอนในประกาศสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และ การจัดทำร่างเอกสารประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารการคัดเลือกเอกชน และเอกสารร่างสัญญาร่วมลงทุน มีความสมบูรณ์ ก่อนประกาศขายเอกสารอย่างเป็นทางการ ซึ่งการสัมมนาฯ ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจาก กลุ่มเอกชนในรูปแบบของนิติบุคคลรายเดียวและนิติบุคคลรวมกลุ่ม จำนวนทั้งสิ้น 21 ราย จาก 8 ประเทศ ณ โรงแรมแมริออท เดอะสุรวงศ์ กรุงเทพฯ
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เป็นหนึ่งในโครงการเร่งด่วนของพื้นที่ EEC ที่ กทท. จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเป็นลำดับแรก ซึ่งโครงการท่าเทียบเรือ F เป็นท่าเทียบเรือตู้สินค้า มีความยาวหน้าท่ารวม 2,000 เมตร ประกอบด้วยท่าเทียบเรือตู้สินค้า F1 และ F2 มีความยาวหน้าท่าๆ ละ 1,000 เมตร สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าได้อย่างน้อย 4 ล้านที.อี.ยู.ต่อปี มีระยะเวลาสัมปทาน 35 ปี นับถัดจากวันที่ กทท. มีหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน ซึ่งคาดว่า กทท. จะส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนคู่สัญญาได้ภายในปี 2564 โดยเอกชนคู่สัญญาจะต้องดำเนินการออกแบบและก่อสร้างท่า F1 และ F2 พร้อมจัดหาอุปกรณ์ให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในระยะเวลา 2 ปี และ 6 ปี ตามลำดับ นับถัดจากวันที่ กทท. มีหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน สำหรับท่าเทียบเรือ E และท่าเทียบเรือ E0 จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในภายหลัง
ทั้งนี้ คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้เห็นชอบหลักการโครงการพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F และกรอบการกู้เงินลงทุนของโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว และได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 30 ตุลาคม 2561 โดยคาดว่าจะเริ่มประกาศเชิญชวนและขายเอกสาร การคัดเลือกเอกชนได้ภายในเดือนตุลาคม 2561 และคาดว่าจะลงนามในสัญญาได้ในเดือนมีนาคม 2562