4 ธันวาคม 2563 — บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ส่งเสริมพนักงานให้ตระหนักรู้และรับผิดชอบดูแลสิ่งแวดล้อมรับวิถีปกติใหม่ (New Normal) สนับสนุนการมีส่วนในโครงการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของทุกคนบนโลก
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า วิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นหลายครั้งในปีนี้และสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบวิถีชีวิตของมนุษย์ในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่วิถีปกติใหม่ (New Normal) และเป็นสัญญาณเตือนประชากรโลกต้องหันมาฟื้นฟูสมดุลธรรมชาติ เพื่อพลิกฟื้นสุขภาพที่ดีให้กับโลกของเรา อันจะส่งผลต่อการดำรงชีวิตในอนาคต ซึ่งในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมไทย 4 ธันวาคม 2563 เป็นการกระตุ้นทุกภาคส่วน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
“วิกฤตการณ์สุดขั้วด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง รวมถึงการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกอย่างรวดเร็ว เป็นการส่งสัญญาณจากธรรมชาติว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อทุกชีวิตและเพื่อโลกของเรา ซึ่งปีนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “ ชีวิตวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” นายวุฒิชัย กล่าว
ในส่วนของ ซีพีเอฟ ปลูกฝังพนักงานในองค์กร สถานประกอบการ ฟาร์มและโรงงาน มีส่วนร่วมรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตลอดกระบวนการผลิต เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการดำเนินงานด้านความยั่งยืน
นายวุฒิชัย กล่าวว่า การมีส่วนร่วมลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นสำคัญของซีพีเอฟ โดยกำหนดเป้าหมายความยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ เช่น การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อมต่อหน่วยการผลิตลง 25% ปี ภายในปีพ.ศ. 2568 เทียบกับปีฐาน 2558 โดยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานตลอดกระบวนการผลิต ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 26 %ของการใช้พลังงานทั้งหมด
นอกจากนี้ มีการรณรงค์ลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ไม่จำเป็น โดยกำหนดเป้าหมายระยะยาวด้านบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้บรรจุอาหารสำหรับกิจการในประเทศไทยสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือนำมาใช้ใหม่ หรือนำไปผลิตเป็นสินค้าใหม่ได้ หรือย่อยสลายได้ 100% ในปี พ.ศ. 2568 และกิจการในต่างประเทศปี 2573 จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ปัจจุบัน 99.99 % เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ หรือ นำกลับมาใช้ซ้ำ หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เดินหน้ามีส่วนร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ลงนามบันทึกความร่วมมือ “การปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) สู่การฟื้นฟูป่า” กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินโครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง โครงการ ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน โครงการรักษ์นิเวศ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการ เพื่อร่วมปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สร้างความมั่นคงทางอาหาร และเติมสมดุลธรรมชาติอย่างยั่งยืน
…………………………………………….