วันเอดส์โลก อย. แนะคู่รักป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากเอดส์ ด้วยการเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่ได้มาตรฐาน ต้องมีเลข อย. ย้ำ! ตรวจสอบวันที่ผลิต วันหมดอายุก่อนซื้อ เพื่อให้ได้อุปกรณ์ป้องกันที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน
นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ในปัจจุบันยังคงพบปัญหาการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะโรคเอดส์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชากรทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก (WORLD AIDS DAY) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสุขภาพที่เกิดจากโรคเอดส์ ซึ่งนอกจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันแล้ว ปัญหาการใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้องและไม่ได้มาตรฐาน เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม ซึ่งสิ่งที่สามารถป้องกันได้ง่ายและเป็นพื้นฐาน คือ การใช้ถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัย จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2556 กำหนดให้มีมาตรฐานและข้อกำหนดตาม มอก. 625-2559 หรือ ISO 4074 : 2015 ทั้งนี้ ถุงยางอนามัยต้องมีใบอนุญาตในการผลิตหรือนำเข้า ซึ่งถุงยางอนามัยถือเป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันถุงยางอนามัย มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น มีความบาง มีหลายสี หลายกลิ่น และหลายพื้นผิว เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของผู้ใช้ ซึ่งถุงยางอนามัยสามารถป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม และสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ เช่น โรคซิฟิลิส โรคหนองใน โรคหนองในเทียม โรคแผลริมอ่อน โรคกามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง และโรคเริม เป็นต้น
รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้ประชาชนเลือกซื้อถุงยางอนามัยที่มีเลขใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ ซึ่งผ่านการรับรองจาก อย. สำหรับการใช้ถุงยางอนามัยควรใช้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการใช้ ได้แก่ ต้องอ่านฉลากก่อนซื้อ ตรวจดูวันที่ผลิต วันหมดอายุ ใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของอวัยวะเพศของตัวเอง ใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเพียงชั้นเดียวเท่านั้น เพราะการใส่ถุงยางอนามัยหลายชั้นจะทำให้เกิดการเสียดสีกันและฉีกขาดได้ นอกจากนี้ ไม่ควรใช้น้ำมันทาผิว โลชั่น หรือปิโตรเลียมเจลลี แทนสารหล่อลื่น เพราะถุงยางอนามัยจะเสื่อมประสิทธิภาพและฉีกขาดได้ง่าย และควรเก็บรักษาให้ถูกวิธี เพื่อคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพที่สูงสุด ควรเก็บเอาไว้ในที่แห้งและเย็น ไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยในที่มีความชื้นสูง ในที่ร้อน หรือโดนแสงแดด เพราะความร้อนจะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมคุณภาพลงได้ โดยเฉพาะการเก็บถุงยางอนามัยเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ เพราะพกติดตัวไว้ตลอดเวลา มีโอกาสที่จะถูกทั้งความร้อนและแรงกดทับทำให้เสื่อมสภาพได้ง่าย
…………………………………………………………..