รมว.แรงงาน ลงพื้นที่หนองคาย ตรวจเยี่ยมบ้านไร่ชมพูของแรงงานที่เคยไปทำงานเกาหลีใต้ แล้วนำองค์ความรู้มาปรับใช้ต่อยอดทำเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.๙ จนประสบความสำเร็จ พร้อมประชุมมอบนโยบายหัวหน้าส่วนราชการ จ.อุดรธานี หนองคาย เลย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ เน้นนโยบาย 3A บูรณาการหน่วยเกี่ยวข้องขับเคลื่อนงานกระทรวงไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดหนองคายเพื่อตรวจเยี่ยมบ้านไร่ชมภู ตั้งอยู่ที่บ้านโคกพัฒนา หมู่ที่ 10 ต.นาหนัง อ.โพนพิสัยจ.หนองคาย ซึ่งเป็นไร่ของนายอิทธิเชษฐ์ ชมพู อายุ 35 ปี โดยเป็นแรงงานที่เคยไปทำงานประเทศเกาหลีแล้วนำองค์ความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้จนประสบความสำเร็จ โดยนายอิทธิเชษฐ์ฯ กล่าวว่า ได้สมัครไปทำงานที่เกาหลีใต้โดยวิธีรัฐจัดส่ง เพราะมีเป้าหมายในชีวิตและมีแรงบันดาลใจในการทำงานที่จะเก็บเงินไปพัฒนาชีวิตและครอบครัว โดยภายในระยะเวลา 4 ปี 7 เดือน สามารถเก็บเงินจากการทำงานได้ถึง 7 แสนบาท จึงตัดสินใจนำเงินก้อนดังกล่าวมาลงทุนทำอาชีพการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการวางแผนจัดสรรพื้นที่ปลูกพืชให้เหมาะสมด้วยตนเอง
นายอิทธิเชษฐฯ ยังกล่าวถึงสิ่งที่ได้รับจากการไปทำงานเกาหลีใต้ คือ ต้องขยัน ตั้งใจทำงาน อดทน เพราะต้องแข่งขันกับแรงงานประเทศอื่นสูงมาก ต้องแข่งกับเวลาในการทำงาน การใช้เครื่องจักรให้ปลอดภัย นายอิทธิเชษฐฯ ยังฝากถึงแรงงานไทยที่จะไปทำงานต่างประเทศด้วยว่าจะต้องไปให้ถูกกฎหมาย เพราะหากลักลอบไปทำงานแบบผิดกฎหมายก็จะเสี่ยงต่อการถูกจับกุมและจะเป็นแรงงานเถื่อนซึ่งมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากอีกด้วย
จากนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ฯ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและทิศทางการดำเนินงานแก่หัวหน้าส่วนราชการ จ.อุดรธานี หนองคาย เลย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ ณ ห้องประชุมสำนักงานประกันสังคมจ.หนองคาย โดยได้เน้นย้ำถึงการขับเคลื่อนงานของกระทรวงแรงงานตามนโยบายเน้นหนักในปี 2562ซึ่งประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วน (Agenda Based) นโยบายระดับพื้นที่ (Area Based) และนโยบายบริหารการพัฒนา (Administration Based) โดยให้แรงงานจังหวัดเป็นเจ้าภาพหลักในการตั้งต้นจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ด้านแรงงานในพื้นที่ บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีความเป็นเอกภาพ เพื่อให้คนในจังหวัดมีงานทำ
มีทักษะฝีมือ ได้รับการคุ้มครองจากรัฐ มีความปลอดภัยในการทำงาน มีสวัสดิการที่เหมาะสม ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม และมีหลักประกันทางสังคม นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำในเรื่องการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้มาติดต่อราชการโดยยึดถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง เอาใจใส่ในการให้บริการ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อให้ผู้มารับบริการเกิดความประทับใจ ได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในตอนท้าย รมว.แรงงาน ได้มอบสิทธิประโยชน์เงินทดแทนแก่ลูกจ้างและทายาทจำนวน 4 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 183,080.70 บาท และมอบรางวัลแก่อาสาสมัครแรงงานดีเด่น ด้านภารกิจงานประกันสังคม จำนวน 5 รายเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่อาสาสมัครแรงงานอีกด้วย