นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือน กันยายน 2561 และไตรมาส 3 /2561 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผลการจดทะเบียนธุรกิจ |
ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนกันยายน |
- จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศในเดือนกันยายน 2561 จำนวน 6,313 ราย เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 6,446 ราย ลดลงจำนวน 133 ราย คิดเป็นร้อยละ 2 และเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2560 จำนวน 6,532 ราย ลดลงจำนวน 219 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 รวม 3 ไตรมาส จำนวน 56,271 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 240,486 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 592 ราย คิดเป็น ร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 356 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 182 ราย คิดเป็นร้อยละ 3
- มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในเดือนกันยายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 48,027 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 23,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 24,794 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 107 และเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2560 จำนวน 31,628 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 16,399 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52
- ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท มีจำนวน 6,192 ราย คิดเป็นร้อยละ 98.08 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 100 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.59 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.33 โดยมีธุรกิจที่ทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท จำนวน 4 ราย ได้แก่ ธุรกิจโฮลดิ้ง ธุรกิจผลิตแป้งและเกล็ดขนมปัง ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี โดยมีมูลค่าทุนรวมทั้งสิ้น 29,000 ล้านบาท
ธุรกิจจัดตั้งใหม่ไตรมาส 3/2561 |
- จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ ไตรมาส 3/2561 (ก.ค.-ก.ย.) จำนวน 18,723 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2561 (เม.ย.-มิ.ย.)จำนวน 17,499 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 1,224 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 จำนวน 19,670 ราย ลดลงจำนวน 947 ราย คิดเป็นร้อยละ 5
- ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 1,691 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,047 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 563 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
- มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในไตรมาส 3/2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 97,614 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2561 จำนวน 82,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 15,573 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19 และเมื่อเทียบกับไตรมาส3/2560 จำนวน 100,240 ล้านบาท ลดลงจำนวน 2,626 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3
- ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท มีจำนวน 18,358 ราย คิดเป็นร้อยละ 98.05 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 309 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.65 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 56 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.30
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนกันยายน |
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 ก.ย. 61) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน710,944 ราย มูลค่าทุน 18.01 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 185,374 ราย คิดเป็นร้อยละ 26.07 บริษัทจำกัด จำนวน 524,354 ราย คิดเป็นร้อยละ 73.76 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,216 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 628,497 ราย คิดเป็นร้อยละ 88.40 รวมมูลค่าทุน 1.03 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.72 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 67,875 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.55 รวมมูลค่าทุน 1.83 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.17 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 14,572 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.05 รวมมูลค่าทุน 15.15 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84.11 ตามลำดับ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนกันยายน |
- จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,899 ราย เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 1,740 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 159 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 และเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2560 จำนวน 1,717 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 182 ราย คิดเป็นร้อยละ 11
- ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 177 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 128 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 และธุรกิจค้าสลากกินแบ่ง จำนวน 58 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
- มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในเดือนกันยายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 6,555 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 10,156 ล้านบาท ลดลงจำนวน 3,601 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35 และเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2560 จำนวน 10,503 ล้านบาท ลดลงจำนวน 3,948 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38
- ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 1,800 ราย คิดเป็นร้อยละ 94.79 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 93 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.90 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 6 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.31
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการไตรมาส 3/2561 |
- จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 5,327 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2561 จำนวน 3,201 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 2,126 ราย คิดเป็นร้อยละ 66 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 จำนวน 5,098 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 229 ราย คิดเป็นร้อยละ 4
- ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 488 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 346 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 149 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
- มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในไตรมาส 3/2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 22,993 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2561 จำนวน 20,811 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,182 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 และเมื่อเทียบกับ ไตรมาส 3/2560 จำนวน 24,345 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1,352 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6
- ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 5,031 ราย คิดเป็นร้อยละ 94.44 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 277 ราย คิดเป็นร้อยละ 5.20 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 19 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.36
การคาดการณ์ตลอดปี 2561 |
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ก.ย.61) มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท จำนวน 56,271 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 659 ราย คิดเป็นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.60) จำนวน 55,612 ราย การเติบโตของธุรกิจจัดตั้งใหม่มีทิศทางสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป และอสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวสูงสุด รวมทั้งมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชน ส่งผลให้ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร และ ที่พักโรงแรม ในส่วนภูมิภาคเกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค โดยกระทรวงการคลัง ประจำเดือนกันยายน 2561 พบว่ามีดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ (คาดการณ์ 6 เดือนข้างหน้า) อยู่ในเกณฑ์ดีทุกภูมิภาค โดยมีค่าสูงสุดในภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 94.2
นอกจากนี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดตั้งธุรกิจในปี 2561 นี้ ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของการประกาศใช้มาตรการการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล ซึ่งจะช่วยผลักดันให้มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้กรมได้เร่งดำเนินการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน การได้รับการลดหย่อนภาษี และเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อธุรกิจ รวมทั้งมีโอกาสเข้าถึงความช่วยเหลือของภาครัฐมากยิ่งขึ้น ซึ่งกรมได้อำนวยความสะดวกให้แก่นิติบุคคลในการเริ่มต้นธุรกิจ โดยมีการปรับลดความยุ่งยากของขั้นตอนการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (Ease of Doing Business) โดยการรวมขั้นตอนการจองชื่อและจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์เป็นขั้นตอนเดียวกัน (จากเดิมมี 2 ขั้นตอน) และลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับบริษัทจำกัดที่ยื่นผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีผลใช้บังคับในวันที่ 21 เมษายน 2561 จากเดิม 5,500 – 275,000 บาท เป็น 5,500 บาท อัตราเดียว และการจดทะเบียนออนไลน์ e-Registration 3,850 บาท
การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือน กันยายน 2561
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกเพื่อ ลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนาการบริการทุกระบวนการของกรม ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา
e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
กรมได้อำนวยความสะดวกให้แก่นิติบุคคลในการเริ่มต้นธุรกิจ โดยมีการปรับลดความยุ่งยากของขั้นตอนการ จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (Ease of Doing Business) โดยให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) รวมขั้นตอนการจองชื่อและจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์เป็นขั้นตอนเดียวกัน (จากเดิมมี 2 ขั้นตอน) และลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับบริษัทจำกัด ที่ยื่นผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีผลใช้บังคับในวันที่ 21 เมษายน 2561 จากเดิม 5,500-275,000 บาท เป็น 5,500 บาท อัตราเดียว และการจดทะเบียนออนไลน์ e-Registration 3,850 บาท
ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 เป็นต้นมา จนถึง ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 มีผู้ใช้ระบบ (Activate) จำนวน 27,856 ราย และมีการรับจดทะเบียนทาง e-Registration จำนวน 8,586 ราย สำหรับปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.) มีการ จดทะเบียนทาง e-Registration จำนวน 5,449 ราย
e-Secured การจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์
บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service พร้อมกับชำระค่าธรรมเนียมและออกใบเสร็จรับเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature)
ตั้งแต่ วันที่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 266,171 คำขอ คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 5,215,767 ล้านบาท นอกจากนี้ “ระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ (e-Secured)” ได้รับรางวัล เลิศรัฐ สาขาบริการภาครัฐ ประจำปี พ.ศ. 2561 ประเภทพัฒนาการบริการ ระดับดี
e-Service การบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
e-Service เป็นบริการขอหนังสือรับรอง รับรองสำเนา และถ่ายเอกสารผ่านทาง Internet โดยสามารถขอรับเอกสารได้ผ่านช่องทาง Walk in Ems Delivery และได้พัฒนาการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Certificate File) และส่งไฟล์ให้กับผู้ยื่นขอผ่านทางอีเมล์ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนแก่ผู้ใช้บริการ ได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 เป็นต้นมา
สถิติการให้บริการทาง e-Service ตั้งแต่เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมกราคม 2549 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 มีผู้ใช้บริการ จำนวน 1,809,333 ราย ประกอบด้วยผู้ใช้บริการช่องทาง EMS จำนวน 994,236 ราย Walk in จำนวน 595,489 ราย Delivery จำนวน 215,795 ราย และ Electronic File จำนวน 3,813 ราย
e – Certificate การบริการหนังสือรับรองและสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลผ่านธนาคาร
กรมได้เปิดให้บริการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) ผ่านธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2555 โดยให้บริการผ่านธนาคาร 9 ธนาคาร ได้แก่ กรุงเทพ กรุงไทย ออมสิน กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ธนชาต มิซูโฮ กรุงศรีอยุธยา และเกียรตินาคิน มีสาขาให้บริการ จำนวน 4,043 สาขา จนถึง ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 มีสถิติผู้ใช้บริการ จำนวน 908,969 ราย โดยแบ่งเป็นให้บริการหนังสือรับรอง จำนวน 863,179 ฉบับ และรับรองสำเนาเอกสาร จำนวน 401,350 แผ่น
e-Filing ระบบการรับ-ส่งงบการเงินทางออนไลน์
กรมได้เปิดให้บริการนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2558 เป็นต้นมา ในปีงบการเงิน 2560 มีนิติบุคคลส่งงบการเงินทาง DBD e-Filing จำนวน 475,885 ราย (ณ วันที่ 30 กันยายน 2561) คิดเป็นร้อยละ 91 ของนิติบุคคลที่นำส่งงบการเงินแล้ว โดยกรมได้เชื่อมโยงกับกรมสรรพากรให้นิติบุคคลที่ยื่น งบการเงินผ่านทาง DBD e-Filing เป็นการส่งงบการเงินเดียวกันเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นิติบุคคล และได้มีการร่วมกับผู้พัฒนาซอฟแวร์บัญชี DBD Connect เพื่อเชื่อมโยงระบบงานบัญชีเข้าสู่งบการเงินทางออนไลน์ได้โดยทันที ซึ่งขณะนี้มีอยู่จำนวน 16 ราย และอยู่ระหว่างการเชื่อมโยงกับ Startup เพื่อพัฒนาระบบบัญชีให้เชื่อมเข้าสู่ DBD e-Filing
DBD e-Accounting โปรแกรมบัญชีเพื่อช่วยเหลือ SMEs
กรมได้ดำเนินการช่วยเหลือ SMEs ให้สามารถทำบัญชีเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง โดยการแจก “โปรแกรม e-Accounting for SMEs” ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีการทำงานแบบครบวงจร เริ่มต้นตั้งแต่แต่การซื้อ-ขายสินค้าหรือบริการจนถึงการทำบัญชี ซึ่งระบบสามารถออกใบกำกับภาษี รายงานภาษีซื้อและภาษีขาย รวมทั้งรายงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักงานบัญชีผ่าน Cloud Computing พร้อมทั้งเชื่อมต่อกับการนำส่งงบการเงินทางระบบ DBD e-Filing ผ่านทาง DBD Connect ซึ่งจะช่วยลดการบันทึกข้อมูลซ้ำซ้อน ลดระยะเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น e-Accounting for SME โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ทาง Play store
DBD e-service การตรวจค้นข้อมูลนิติบุคคลผ่าน Application
การให้บริการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคล งบการเงิน ร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สมาคมการค้าและหอการค้า ข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ รวมทั้งมีบริการข่าวสาร กิจกรรม โครงการต่างๆ ผ่านมือถือ (Application: DBD e-Service) โดยได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2557 ปัจจุบันมีผู้เข้าใช้บริการกว่า 9 ล้านราย
ISO/IEC 27001 : 2013 มาตรฐานการจัดการข้อมูลด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
กรมได้ผ่านการรับรองมาตรฐานการบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ISO/IEC 27001:2013 โดยมีขอบเขตครอบคลุมถึงศูนย์คอมพิวเตอร์ (Data Centre) ระบบจดทะเบียนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) และระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ (e-Secured Transaction) โดยในปี 2561 กรมได้ขยายขอบเขตมาตรฐานเพิ่มเติม โดยครอบคลุมระบบออกหนังสือรับรอง รับรองสำเนาเอกสาร นิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Biz Document : e-Service, e-Certificate file) โดยผ่านการตรวจประเมินเรียบร้อยแล้ว
****************************
ที่มา : กองข้อมูลธุรกิจ