สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) นำนวัตกรรมไปจัดการกับวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากการเผา ภายใต้โครงการจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ จังหวัดพิษณุโลก
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้รับมอบหมายจากศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน โดยคณะกรรมการจิตอาสาเฉพาะกิจกลุ่มงานโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ให้ดำเนินกิจกรรม “การนำนวัตกรรมไปจัดการกับวัชพืชและผักตบชวา เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน” ภายใต้โครงการจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ด้วยนวัตกรรม “เครื่องผลิตปุ๋ยหมัก” ในการผลิตปุ๋ยหมักและดินปลูกต้นไม้จากวัชพืชและผักตบชวา และศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน เห็นว่านวัตกรรม “เครื่องผลิตปุ๋ยหมัก” สามารถนำไปขยายผลในกลุ่มเกษตรกรอื่น ๆ เช่น เกษตรกรเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว (ข้าวโพดและอ้อย) เพื่อช่วยลดปัญหาหมอกควันจากการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและวัชพืช โดยการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและวัชพืชมาแปรรูปในการทำปุ๋ยหมักและดินปลูก
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน จังหวัดพิษณุโลก และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ดร.ลักขณา เบ็ญจวรรณ์ จัดกิจกรรม “การนำนวัตกรรมไปจัดการกับวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กจากการเผา” ภายใต้โครงการจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 โดย พลตรี นพดล รอดกลาง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39 ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 39 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม นายสมเกียรติ พูลสุขเสริม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวต้อนรับ และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวความเป็นมาของกิจกรรม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 165 คน โดย ดร.ลักขณา เบ็ญวรรณ์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และทีมวิจัยร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้พร้อมวิธีการทำปุ๋ยหมักให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ
วช. จัดกิจกรรมนี้โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีรายได้เสริมจากการผลิตและจำหน่ายปุ๋ยหมัก อาหารสัตว์ และดินปลูกต้นไม้จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและวัชพืช และช่วยลดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากการเผา รวมทั้งเกิดเป็นต้นแบบในการจัดการกับวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและวัชพืชอย่างถูกวิธี เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน และเกิดความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการดำเนินกิจกรรมอย่างยั่งยืน
……………………………….