รองนายก “ฉัตรชัย” เยี่ยม รพ.สต.ปุโละปุโย จ.ปัตตานี เร่งรัดนโยบาย รพ.สต.ติดดาว และ อสม. 4.0

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เยี่ยม รพ.สต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ติดตามนโยบาย รพ.สต. ติดดาว และอสม. 4.0 รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคหัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ กำชับให้เร่งรัดทำให้โรคหัดหมดไปจากประเทศไทยภายในปี 2563

วันที่ 19 ตุลาคม 2561  พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี  พร้อมด้วยนพ.สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และนพ.เจษฎา ฉายคุณรัฐ ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 12  ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานด้านสาธารณสุข ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อให้กำลังใจให้กับผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรับทราบแนวทางการแก้ปัญหา การพัฒนางาน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขในระดับพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เกิดผลดีต่อประชาชน

พลเอก ฉัตรชัยกล่าวต่อว่า รัฐบาลมอบให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว 2 เรื่องสำคัญ เรื่องที่ 1 คือ การพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือ รพ.สต. ติดดาว ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ด้านสาธารณสุข  โดยจัดทำเกณฑ์คุณภาพให้รพ.สต. มีองค์ประกอบ 5 ส่วน คือ บริหารดี ประสานงานดี ภาคีมีส่วนร่วม บุคลากรดี บริการดี ประชาชนมีสุขภาพดี เป็นการยกระดับคุณภาพหน่วยบริการระดับปฐมภูมิให้ได้มาตรฐาน อาศัยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายอย่างบูรณาการ ตอบสนองความต้องการและความจำเป็นด้านสุขภาพ แก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประชาชนในพื้นที่  ประชาชน/ชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตั้งเป้าให้รพ.สต.ทั่วประเทศผ่านเกณฑ์รพ.สต.ติดดาวภายในปี 2564

เรื่องที่ 2 การพัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 4.0 หรืออสม. 4.0 เพื่อรองรับกับบริบทปัญหาที่เปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล เป็นการส่งเสริมและกระตุ้นให้นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้ อสม. มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Skill) ผนวกกับความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) และความมีจิตอาสาเป็นผู้นำ มาสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ (Service Mind & Change agent) เป็นแบบอย่างให้กับประชาชนทั่วไป ส่งผลต่อการทำงานสาธารณสุขเชิงรุกมีประสิทธิภาพ  ช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพประชาชนอย่างทั่วถึง

สำหรับปัญหาการระบาดของโรคหัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ 1 มกราคมถึง 17 ตุลาคม 2561 พบผู้ป่วยที่ จ.ยะลา 382 ราย จ.ปัตตานี 108 ราย จ.สงขลา 22 ราย จ.นราธิวาส 57 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการควบคุมโรคและจำกัดการการแพร่ระบาด โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่พบผู้ป่วย ดำเนินตามมาตรการ  3-2-3 คือ วินิจฉัยให้เร็วและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทราบภายใน 3 ชั่วโมง  ทำการสอบสวนโรคเชิงรุกพร้อมค้นหาผู้สัมผัสให้ครบภายใน 2 วัน และดำเนินการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สัมผัสโรคให้เร็วที่สุดภายใน 3 วัน  พร้อมให้ทุกพื้นที่เร่งรัดดำเนินการ 5 มาตรการสำคัญ คือ 1.เพิ่มและรักษาระดับความครอบคลุมการได้รับวัคซีนหัดไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ของกลุ่มเป้าหมาย 2.การเฝ้าระวังโรคและการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 3.การเสริมสร้างความเข้มแข็งของการสอบสวนและควบคุมโรค 4.การตอบโต้การระบาดอย่างเต็มที่  และ 5.การรณรงค์ให้วัคซีนโรคหัดทั่วประเทศในปี 2562

“ขอเชิญชวนประชาชนนำบุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนโรคหัดให้ครบถ้วนตามแผนการให้วัคซีนที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขนัดหมายให้ความครอบคลุมวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายได้ถึงร้อยละ 95 โดยเฉพาะกลุ่มอายุต่ำกว่า5 ปี เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน และทำให้ประเทศไทยปลอดจากโรคหัดในปี 2563” พลเอก ฉัตรชัยกล่าว