MHESI News 2020/063 : เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 : สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นำเสนอแนวทางการดำเนินงานของสถาบันแก่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรี ศาสตราจารย์ ดร.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และศาสตราจารย์คลีนิคเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร ประธานกรรมการการอุดมศึกษา ร่วมคณะในการเยี่ยมชมและรับฟังความคืบหน้าการดำเนินงานของสถาบัน พร้อมรับฟังนโยบายกระทรวง อว. โดย สจล. ได้นำเสนอแผนการดำเนินงานในปี 2564 ที่มุ่งเน้นการผลิตงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหาประเทศ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมกันนี้ได้โชว์ความสำเร็จแนวคิดการพัฒนาการศึกษาเพื่อคนไทยทุกคน ผ่านตัวอย่างหลักสูตรกอล 42 แบงค็อก (Ecole 42 Bangkok) ตลอดจนได้นำเสนอผลงานนวัตกรรมแก้ปัญหาสังคม อาทิ นวัตกรรมรถเข็นขายอาหารสตรีทฟู้ดสุดไฮยีน นวัตกรรมการแพทย์สู้โควิด-19 พร้อมกันนี้ได้เผยถึงเป้าหมายสำคัญในปี 2564 ผ่านโปรเจคผลักดันไทยเป็นผู้นำทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยองค์ความรู้ด้านดิจิทัลเฮลท์เทค มุ่งสู่การจัดตั้งโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจรแห่งแรกในอาเซียน กิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ถ.ฉลองกรุง กรุงเทพฯ
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังมีความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสภาพภูมิศาสตร์ที่สวยงาม มีการผสมผสานความเป็นไทยกับสากล สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เรียนอยากเข้ามาศึกษาเรียนรู้ เพราะนอกจากสถานที่ที่ดีแล้วยังมีเรื่องขององค์ความรู้ที่เป็นเลิศสู่การพัฒนาต่อเนื่องและไม่มีสิ้นสุดอย่างแน่นอน แต่ในอนาคตต่อไปไม่ว่าจะก้าวไปไกลแค่ไหน พื้นฐานของวัฒนธรรม ประเพณี และความถูกต้องยังคงอยู่และหลอมรวมกันเป็น “สถาบัน” ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการผลักดันหน่วยงาน องค์กร หรือแม้กระทั่งสถาบันอุดมศึกษาหลายๆ แห่ง ให้ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ คำว่า “สถาบัน” คือแบบแผนในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เพราะการร่วมมือกันทุกภาคส่วนเป็นพลังสำคัญ ทั้งตัวบุคลากร ทรัพยากร งบประมาณ และส่วนของชุมชน ย่อมเป็นแรงรว่มมือและผลักดันอย่างชัดเจน
ดร.เอนก กล่าวต่อไปว่า พื้นฐานของการพัฒนาสถาบัน ต้องพัฒนาทรัพยากรคนเป็นที่ตั้ง ต้องสร้างให้เกิดความรักสถาบันและรักพวกพ้อง ทำให้คนปัจจุบันนึกถึงคนในอดีต ทำให้คนในอดีตนึกถึงคนปัจจุบัน และทำให้ทั้งในอดีตและปัจจุบันคิดถึงคนในอนาคต สิ่งนี้จะทำให้เกิดการทดแทนกันอย่างสามัคคี ทำให้พื้นฐานองค์ความรู้ที่มีชัดเจนและเป็นทิศทางเดียวกัน การทำงานก็จะง่ายขึ้นและมีจุดมุ่งหมายเดียว การพัฒนาสิ่งต่างๆ เราควรมองถึงโอกาสและวิเคราะห์ทรัพยากร ทั้งงบประมาณและบุคลากร วางแผนและเริ่มลงมือทำไม่ต้องรอเวลา ซึ่ง สจล. เป็นสถาบันตัวอย่างที่มีความมุ่งมั่นสูงในการพัฒนาสู่เป้าหมายอย่างชัดเจน ที่จะเป็นเลิศทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับเอเชียแปซิฟิกหรือระดับโลกในอนาคต สถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศต้องคิดแล้วว่าในโลกยุคปัจจุบันเราต้องพัฒนาไปด้านไหน สู่ความถนัดและความเป็นเลิศด้านใด รีบวางแผนและลงมือทำด้วยองค์ความรู้ที่มี ประกอบกับทรัพยากรและงบประมาณที่จำกัด เมื่อประสบความสำเร็จจะเป็นตัวชี้วัดอย่างชัดเจนเลยว่า การอุดมศึกษาไทยมีองค์ความรู้ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก
“การพัฒนาสถาบัน หน่วยงาน หรือแม้แต่การพัฒนาประเทศ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทุนหรืองบประมาณ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทรัพยากรหรือโทรคมนาคม แต่สิ่งสำคัญนั้นคือ ความกล้าที่จะคิดใหญ่ คิดใหม่ และกล้าทำ ผู้ใดหรือองค์กรใดมีความรู้และสติปัญญามากที่สุด จะสามารถสรรค์สร้างทรัพยากรที่มีคุณภาพหรืองานที่เป็นเลิศออกมาได้มากที่สุด และมีอำนาจสูงสุด ดังนั้น คนไทยต้องเพิ่มพูนปัญญา ศึกษาเล่าเรียนเพิ่มอย่างไม่สิ้นสุด มีการผลักดันด้านการค้นคว้าและวิจัย ต้องร่วมมือกันมองจุดบกพร่องของตนเอง คิดหาวิธีแก้ไขและพัฒนาและวางแผนอย่างเป็นระบบ และที่สำคัญต้องอย่าลืมความเป็นสถาบัน เพราะที่ใดจะก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ต้องมาจากการร่วมมือร่วมใจของคนในองค์กร” ดร.เอนก กล่าวในตอนท้าย
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า สจล. ในฐานะสถาบันการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับหลักสูตร การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอันเป็นประโยชน์ในการเรียนการสอน ควบคู่ไปกับความพร้อมในการปรับตัวเพื่อรับความท้าทายใหม่ๆ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้รับฟังนโยบายขับเคลื่อนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยกระทรวง อว. เพื่อนำมาปรับใช้ให้สอดรับกับนโยบายของสถาบัน ให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวผู้เรียนและประเทศชาติ สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2564 สจล.เตรียมเดินหน้าผลิตงานวิจัยไทยทำได้ โดยมุ่งเน้นผลิตงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหาประเทศ และงานวิจัยเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตลอดจนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน นอกเหนือจากเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศด้วยผลงานวิจัยไทยทำได้ สจล. ยังมุ่งมั่นสร้างการศึกษาเพื่อคนไทยทุกคน ผ่านการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในปี 2563 ให้มีความแข็งแกร่ง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนที่หลากหลายในโลกยุคดิสรัปชัน โดยทุกหลักสูตรการเรียนการสอนของ สจล.มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อดึงศักยภาพสูงสุดในตัวผู้เรียน โดยมุ่งเน้นการสอนในเรื่องทฤษฎีไปพร้อมกับการปฏิบัติ