กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตร และพระราชทานทุน “ศรีเมธี” แก่นักศึกษาจาก VISTEC รวมทั้งพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้แทนนักเรียน KVIS พร้อมรับฟังและทอดพระเนตร “การสร้างและการสาธิตการใช้งานชุดตรวจวินิจฉัย COVID-19” และเยี่ยมชมสถาบันวิจัยปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางให้บริการการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรม AI ครบวงจร รวมถึงยังเป็นองค์ประธานเปิดศูนย์ความร่วมมืองานวิจัยและพัฒนา PTTEP-ARV-VISTEC R&D Collaboration Center ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับการวิจัยและพัฒนา จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรโครงการศูนย์วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ปตท.สผ. เพื่อดำเนินกิจกรรมด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในการพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานใน EECi และเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ (Intelligence Operation Center หรือ IOC) ซึ่งกลุ่ม ปตท. ได้เข้ามาดำเนินการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์เพื่อพัฒนาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart city) ของประเทศต่อไป
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 – สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ประจำปีการศึกษา 2562 ในระดับปริญญาโท จำนวน 4 ราย ระดับปริญญาเอก จำนวน 8 ราย และพระราชทานทุน “ศรีเมธี” ประจำปีการศึกษา 2563 ให้กับนิสิตของสถาบันฯ ที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม จำนวน 8 ราย รวมทั้งพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) ที่สำเร็จการศึกษา รุ่นที่ 3 โดยมีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานที่ปรึกษานโยบายสถาบันวิทยสิริเมธี นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายกสภาสถาบันสถาบันวิทยสิริเมธี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)คณะผู้บริหารจาก กลุ่ม ปตท. และผู้สนับสนุนจากองค์กรต่างๆ รวมทั้งผู้บริหาร คณาจารย์ นิสิต จากสถาบันวิทย สิริเมธี และโรงเรียนกำเนิดวิทย์ เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ พื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง
นายอรรถพล เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ จึงร่วมกันจัดตั้งสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ระดับบัณฑิตศึกษา (ปริญญาโทและปริญญาเอก) และโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2558 เพื่อร่วมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของ กลุ่ม ปตท.
ปัจจุบัน สถาบันวิทยสิริเมธี มีนิสิตทั้งหมด 6 รุ่น จำนวน 247 คน จาก 4 สำนักวิชา ได้แก่ 1.สำนักวิชาวิทยาการโมเลกุล 2.สำนักวิชาวิทยาการพลังงาน 3.สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมชีวโมเลกุล ได้รับการสนับสนุนการจัดตั้งโดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 4.สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้รับการสนับสนุนการจัดตั้งโดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และมีศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นแนวหน้า เป็นอีกหนึ่งกลไกสนับสนุนการดำเนินงานวิจัยของทั้ง 4 สำนักวิชา ซึ่งผลงานวิจัยจำนวนมากของสถาบันฯ ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยในปี 2563 ถือเป็นก้าวสู่การดำเนินงานปีที่ 5 อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยผลงานสำคัญคือการได้รับการจัดอันดับจาก Nature Index ให้ขึ้นสู่ “ที่ 1” มหาวิทยาลัยของประเทศไทยที่มีผลงานวิจัย “ชั้นเลิศ” ในทุกสาขาวิชาด้าน Natural Sciences ทั้ง Physical Sciences, Life Sciences, Chemical Sciences และ Earth & Environmental Sciences และเป็นอันดับที่ 4 ในอาเซียน (อันดับที่ 1-3 เป็นของมหาวิทยาลัยจากประเทศสิงคโปร์) รวมถึงการครอง “อันดับที่ 1 ของประเทศไทย เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน” ในสาขา Chemical Sciences (ที่มา : ข้อมูลการจัดอันดับ ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2563)
สำหรับโรงเรียนกำเนิดวิทย์ นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2562 มีจำนวน 65 คน ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างประเทศจำนวน 30 คน ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศ 35 คน และยังได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันด้านวิชาการในต่างประเทศ อาทิ การแข่งขันฟิสิกส์สัประยุทธ์ระดับนานาชาติ การแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระดับนานาชาติ รวมถึงมีผลงานทางด้านวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการ และมีผลงานที่สามารถยื่นขอรับอนุสิทธิบัตรได้
จากนั้น กรมสมเด็จพระเทพฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปอาคารสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม ชีวโมเลกุล เพื่อรับฟังการบรรยายและทอดพระเนตรนิทรรศการ “การสร้างและการสาธิตการใช้งานชุดตรวจวินิจฉัย COVID-19” ใช้เทคโนโลยี CRISPR (คริสเปอร์) มาทำชุดตรวจวินิจฉัย มุ่งหวังให้ในอนาคตจะนำเทคนิค CRISPR (คริสเปอร์) ไปใช้ตรวจและควบคุมโรคระบาดอื่นๆ ในประเทศไทย เช่น ไข้เลือดออก ชิคุนกุนยา หรือมาลาเรีย เป็นต้น โดยเสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ทอดพระเนตรศูนย์คอมพิวเตอร์วิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้า ที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์ และงานประมวลผลแบบจำลองโมเลกุล
ต่อมา เสด็จพระราชดำเนินไปสถาบันวิจัยปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (Artificial Intelligence Research Institute Thailand) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง VISTEC และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa เพื่อเป็นศูนย์กลางให้บริการสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ครบวงจร โดยเริ่มดำเนินการมาแล้วกว่า 1 ปี และพัฒนากำลังคนดิจิทัลไปแล้วไม่น้อย 500 ราย จากหลักสูตร Data Science และ AI ขั้นพื้นฐาน และขั้นสูง
หลังจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิด ศูนย์ความร่วมมืองานวิจัยและพัฒนา PTTEP-ARV-VISTEC R&D Collaboration Center (RDCC) โดย บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (เออาร์วี) และสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการวิจัย พัฒนา และทำงานร่วมกัน อาทิ งานเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียม งานด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์
จากนั้น ได้ทอดพระเนตรความก้าวหน้าของโครงการศูนย์วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ปตท.สผ. หรือ PTIC ในพื้นที่ EECi เพื่อดำเนินกิจกรรมด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานใน EECi ให้นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง โดยแบ่งแผนการก่อสร้างออกเป็น 3 ระยะ ซึ่งระยะที่ 1 เน้นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและสนามทดสอบอากาศยานไร้คนขับ ระยะที่ 2 เป็นการพัฒนาด้านโรงงานต้นแบบและพื้นที่ทดสอบเพื่อรองรับอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ และโครงการที่เพิ่มประสิทธิภาพของการผลิตปิโตรเลียม ระยะที่ 3 เป็นการพัฒนาเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก และรองรับธุรกิจใหม่
…………………………………………………..