กรุงเทพฯ 9 ตุลาคม 2561 – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดทิศทางนโยบายปี 62 ขานรับนโยบายรัฐบาล เร่งผลักดันและพัฒนาผู้ประกอบการระดับฐานราก ผลักดันผู้ประกอบการระดับท้องถิ่นสู่ระดับการค้าโลก ชูพันธกิจของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ “จาก Local สู่ Global” สร้างความเข้มแข็งธุรกิจไทย เตรียมเปิดโครงการเพิ่มทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคเต็มกำลัง พร้อมเผยยอดผู้ประกอบการไทยที่เข้าถึงองค์ความรู้ด้านการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศกว่าแสนราย จาก 140 กิจกรรมภายใต้ 5 หลักสูตรสำคัญ ที่เข้าร่วมโครงการของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ตลอดปีงบประมาณ 2561
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า “ในปี 2561สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ได้มีการจัดโครงการพัฒนาผู้ประกอบการไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในทุกระดับด้วยองค์ความรู้เพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยเน้นการกระจายองค์ความรู้ไปสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น
น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “แนวทางการดำเนินงานที่สำคัญของสถาบัน NEA ในปีงบประมาณ 2561และ 2562 คือ การทำงานเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบกับภาคีเครือข่ายพันธมิตร ซึ่งเป็นองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และสถาบันการศึกษา โดยมุ่งเน้นการกระจายองค์ความรู้ไปยังผู้ประกอบการทั่วประเทศในทุกระดับ โดยให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการระดับฐานราก ในการเข้าถึงข้อมูลของการจัดกิจกรรมของสถาบันมากยิ่งขึ้น
ด้าน นายพรวิช ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA กล่าวเพิ่มเติมว่า “ที่ผ่านมาสถาบันได้มุ่งเน้นและให้ความสำคัญในการพัฒนาผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องให้เป็นไปตามนโยบายภาครัฐ ( จาก Local สู่ Global) ในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการโดยเน้นการกระจายองค์ความรู้ไปสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) ตั้งแต่ระดับชุมชน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศและเชื่อมต่อไปยังเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และเศรษฐกิจในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัล
ทั้งนี้ โครงการฝึกอบรมและสัมมนาตลอดปีงบประมาณ 2561 ทั้งสิ้น 140 กิจกรรมภายใต้กรอบการดำเนินงาน 5 หลักสูตร โดยมีผู้ประกอบการที่เข้าถึงองค์ความรู้ด้านการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศกว่าแสนราย ในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ และได้สร้างพันธมิตรความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 80 หน่วยงาน โดยมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือทั้ง 27 หน่วยงานเพื่อให้สามารถกระจายองค์ความรู้ไปยังทุกภูมิภาคของประเทศและเข้าถึงผู้ประกอบการในระดับชุมชนท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ได้เร่งสร้างช่องทางให้ผู้ประกอบการเข้าถึงองค์ความรู้มากยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 ช่องทาง ได้แก่
1.เร่งสร้างพันธมิตรด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อจัดกิจกรรมและโครงการอบรมผู้ประกอบการในรูปแบบออฟไลน์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทุกระดับสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้ง่ายขึ้น อาทิ โครงการ Smart Exporter , โครงการครบเครื่องเรื่องการค้าออนไลน์ by NEA , โครงการสัมมนาในหัวข้อ “ความรู้เบื้องต้นการส่งออกในการประกอบธุรกิจ และ โครงการต้นกล้า ทู โกล เป็นต้น
2.การให้ความรู้ในรูปแบบออนไลน์ โดยสถาบันได้มีหลักสูตรที่เกี่ยวกับการทำการค้าออนไลน์ การตลาดออนไลน์ ตลอดจนองค์ความรู้ในรูปแบบการเรียนออนไลน์ (E-Academy) ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งความรู้ได้สะดวก รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา เหมือนเรียนกับผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ โครงการจากสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ยังได้มีการดำเนินการในส่วนภูมิภาค ใน 5 ภูมิภาค ดังนี้ สถาบันฯ ได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมตลอดทั้งปี โดยมีการขยายกิจกรรมสู่ระดับภูมิภาค ใน 28 จังหวัด 39 ครั้ง โดยในปีงบประมาณ 2562 ทางสถาบันได้มีการเตรียมการดำเนินงานเพิ่มเติมอีกเต็มกำลัง เพื่อเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสอดรับนโยบายของรัฐบาล ให้เศรษฐกิจการค้าเติบโตจากฐานรากสู่เศรษฐกิจยุคใหม่อย่างยั่งยืน
หากท่านผู้ประกอบการทั่วไปท่านใดสนใจเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมและสัมมนาของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์. https://nea.ditp.go.th และ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมหลักสูตร และ สัมมนา ได้ที่ https://nea.ditp.go.th/th/register หรือ
Scan QR Code
***********************************
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ