สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ นำเทคนิควอยต้าฟื้นฟูคนพิการและผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ด้วยวิธีกดจุดกระตุ้นการเคลื่อนไหวร่างกายแบบอัตโนมัติ
นายแพทย์ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ความพิการทางการเคลื่อนไหวเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย จากข้อมูลสถานการณ์ด้านคนพิการในประเทศไทย ปี 2560 โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พบว่าความพิการทางการเคลื่อนไหวมีมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งคิดเป็นร้อยละ 48.76 และกลุ่มคนพิการ วัยสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มีความพิการทางการเคลื่อนไหวมากที่สุด ซึ่ง 1 ในสาเหตุอันดับต้นของความพิการคือ ภาวะความเจ็บป่วยและโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจตีบ เป็นต้น และเกิดจากอุบัติเหตุ ผู้ที่รอดชีวิตอาจมีความพิการหรือทุพพลภาพ ต้องพึ่งพาผู้อื่นในการเดินและการประกอบกิจวัตรประจำวัน ดังนั้นการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการเคลื่อนไหวนับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เทคนิควอยต้า (Vojta Therapy) เป็นเทคนิคที่ถูกพัฒนาขึ้น ปัจจุบันได้ใช้อย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในขณะที่ประเทศไทยได้มีการนำเทคนิควอยต้ามาใช้กับกลุ่มผู้ป่วยเด็กตั้งแต่ปี 2556 และเริ่มใช้กับกลุ่มผู้ป่วยผู้ใหญ่ในปี 2559 ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้กรมการแพทย์ ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในการนำเทคนิคดังกล่าวนี้มาใช้เพื่อฟื้นฟูกลุ่มคนพิการ และผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ปัจจุบันสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ นำเทคนิคดังกล่าวมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคระบบกระดูกกล้ามเนื้อ ระบบประสาท และผู้ป่วยเด็ก เช่น เด็กสมองพิการ ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งท่อนล่าง อัมพาตทั้งตัว กลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกกล้ามเนื้อ อาทิ กระดูกสันหลังคด คอเอียง ผู้ป่วยแขนขาขาด เด็กพิการแขนขาขาดหายแต่กำเนิด เป็นต้น
นายแพทย์ศักรินทร์ วงศ์เลิศศิริ ผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักการของเทคนิควอยต้าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวร่างกายแบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นรูปแบบการกระตุ้นด้วยมือ มีทั้งแรงกด การยืดไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการตอบสนองและการเคลื่อนไหวของแขนขา กระตุ้น ให้มีการประสานสัมพันธ์กันของกล้ามเนื้อทำให้เกิดการเคลื่อนไหว จึงมีผลต่อการทรงตัวของร่างกายและการเคลื่อนไหวของแขนขา หากทำการกระตุ้นการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติแบบซ้ำๆ บ่อยๆ จะทำให้เกิดการเชื่องโยงระหว่างเส้นประสาทส่วนปลายสมองและไขสันหลังขึ้นใหม่ได้ การบำบัดด้วยเทคนิควอยต้าจะมีความแตกต่างจากการรักษาแบบกดจุด หรือการบำบัดชนิดอื่นๆ รวมถึงการนวดกดจุดแบบจีน เพราะใช้วิธีกระตุ้นเฉพาะจุดและเน้นกระตุ้นส่วนประสาทระบบการเคลื่อนไหวที่มีปัญหา ไม่เกี่ยวกับเส้นลมปราณ ซึ่งก่อนการรักษาแพทย์จะประเมินและวิเคราะห์ปัญหาที่มีอยู่ เพราะถ้ากดผิดจุดหรือผิดวิธีอาจนำไปสู่อันตรายแก่ผู้ที่ได้รับการรักษาได้ ทั้งนี้ ประโยชน์จากการฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยเทคนิควอยต้า คือ กระดูกสันหลังจะเหยียดและเคลื่อนไหวตามกิจกรรมที่ต้องการ กล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ การดูด การกลืน และการเคี้ยว สามารถทำได้ง่ายขึ้น พูดและออกเสียงง่ายชัดเจนขึ้น การหายใจลึกและสม่ำเสมอ ผิวหนังมีเลือดฝาด ตื่นและหลับดีขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าลำไส้และกระเพาะปัสสาวะจะถูกกระตุ้นให้ทำงานอย่างสม่ำเสมอ และมีความสมดุลในการทรงตัว