กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงประชาชนหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์ทันตสุขภาพ เสี่ยงสุขภาพช่องปากแย่ แนะหากเกิดโรคในช่องปากควรพบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาดีที่สุด
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า ปัจจุบันมีสื่อที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทันตสุขภาพขายอยู่บนโลกออนไลน์จำนวนมาก อาทิ น้ำยาบ้วนปากสลายหินปูน ยาสีฟันที่ทำให้ฟันขาว หรือยาสีฟันที่เติมเต็มเนื้อฟันที่ผุให้กลับมาเหมือนฟันปกติ โดยนำเสนอในรูปแบบของการโฆษณา การให้เนื้อหาข่าวประชาสัมพันธ์ หรือการแอบอ้างบทสัมภาษณ์นักวิชาการ ซึ่งเนื้อหาของผลิตภัณฑ์ทันตสุขภาพบางชนิดมีการโฆษณาเกินจริง ให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน หรือให้ข้อเท็จจริงด้านเดียว หลอกลวง เพื่อนำเสนอข้อดีของผลิตภัณฑ์ในการแก้ปัญหาในช่องปากได้อย่างเบ็ดเสร็จ ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาทางทันตกรรม หรือเสียเวลาไปพบทันตแพทย์
“ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ทันตสุขภาพมีไว้เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในช่องปากเท่านั้น เมื่อเกิดโรคในช่องปากจะต้องได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ เพราะปัญหาในช่องปากที่พบกันส่วนใหญ่ คือ โรคฟันผุ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการแปรงฟันไม่สะอาด เชื้อโรคจะสะสมรวมกันกับเศษอาหารที่ตกค้างในช่องปาก เกิดเป็นแผ่นฟิล์มเหนียวๆเกาะผิวฟันที่เรียกว่าคราบจุลินทรีย์ เชื้อโรคในคราบจุลินทรีย์เหล่านี้จะผลิตกรดออกมาย่อยสลายแร่ธาตุบนผิวฟัน ทำให้เกิดรูที่เรียกว่าฟันผุ ซึ่งจะค่อยๆ ลุกลามจากผิวฟันด้านนอกสู่ชั้นโพรงประสาทฟันได้ หากไม่มีการกำจัด เนื้อฟันที่ผุออก และรับการอุดฟันโดยทันตแพทย์ ซึ่งการแปรงฟันให้สะอาดมากขึ้นหลังจากเกิดฟันผุแล้ว อาจช่วยลดการลุกลามของฟันผุเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำให้รูผุกลับมาเป็นฟันปกติได้ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีสารในผลิตภัณฑ์ทันตสุขภาพตัวใดทดแทนแร่ธาตุในเนื้อฟันธรรมชาติได้” แพทย์หญิงพรรณพิมล กล่าว
ทางด้าน ทันตแพทย์หญิงปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า ปัญหาในช่องปากที่พบบ่อยอีกประการ คือ โรคเหงือกอักเสบ เกิดจากการแปรงฟันไม่สะอาด และการมีหินปูนในช่องปาก อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้โรคเหงือกอักเสบรุนแรงขึ้น เนื่องจากหินปูนคราบคือคราบจุลินทรีย์บริเวณ คอฟันที่สะสมรวมกับแร่ธาตุในน้ำลาย มีลักษณะเป็นก้อนแข็งเกาะแน่นกับผิวฟันบริเวณขอบเหงือก ผิวของหินปูนมีลักษณะขรุขระ ทำให้มีการสะสมของเชื้อโรคได้มากขึ้น ซึ่งร่างกายของคนเราจะสร้างปฏิกิริยาต่อต้านเชื้อโรคเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบของเหงือกรุนแรงขึ้น ซึ่งเมื่อเกิดหินปูนในช่องปากแล้ว การแปรงฟันหรือใช้น้ำยาบ้วนปากใดๆ ก็ไม่สามารถกำจัดหินปูนออกไปได้ จำเป็นต้องไปพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนออกเท่านั้น
“การใช้ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากจะเป็นส่วนหนึ่งของการกำจัดคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก ป้องกัน การเกิดฟันผุ และคราบหินปูนเท่านั้น หากเกิดฟันผุหรือมีหินปูนในช่องปากแล้ว จะต้องพบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยการอุดฟัน และขูดหินปูน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ทันตสุขภาพไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาในช่องปากได้ทุกเรื่อง ประชาชนจะต้องรับสื่ออย่างมีวิจารณญาณ เพื่อไม่ให้ตกเป็นทาสของการขายสินค้าเหล่านี้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำความสะอาดช่องปาก แต่การป้องกันปัญหาในช่องปากที่ดีที่สุด คือ การแปรงฟันแบบ 2-2-2 ได้แก่ แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน แปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที และไม่รับประทานอาหารและเครื่องดื่มหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง จะเป็นแนวทางการป้องกันปัญหาในช่องปากที่ทุกคนสามารถทำได้” ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กล่าว