วธ.เดินหน้าแผนพัฒนา ฟื้นฟู กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 ปรับโฉมแหล่งเรียนรู้-เส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ส่งเสริมนำอัตลักษณ์ท้องถิ่นต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม

เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ที่จังหวัดระยอง นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ลงพื้นที่ตรวจราชการในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ๑ (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง) ระหว่างวันที่ ๒๔ – ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ โดยได้เยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าโครงการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยเพื่อต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม (4DNA) การพัฒนาศักยภาพชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเก่าริมน้ำประแส การพัฒนาแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ณ วัดลุ่มมหาชัยชุมพล และอุทยานการเรียนรู้สมเด็จพระเจ้าตาก พร้อมทั้งชมต้นตะเคียนคู่และต้นสะตือ รุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี ประจำปี ๒๕๖๐ โดยมี ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรมทั้งส่วนกลางและภาคตะวันออก ๑ เข้าร่วม

นายอิทธิพล กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ๑ ประกอบด้วย จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย มีความโดดเด่นด้านแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม อาทิ ป้อมกำแพงเมืองฉะเชิงเทรา พระตำหนักกรมขุนมรุพงษ์ศิริพัฒน์ อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดโสธรวรารามวรวิหาร แหล่งเรียนรู้บ้านเก่าริมน้ำประแส เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายจัดทำเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development) เพื่อพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ Thailand ๔.๐ โดยมีเป้าหมายให้เกิดฐานการผลิตเทคโนโลยีใหม่ มีการพัฒนาคน ความรู้ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิต พัฒนาแหล่งเรียนรู้ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ นวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม และยกระดับการท่องเที่ยวไปสู่ระดับโลก

นายอิทธิพล กล่าวอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายดำเนินการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมในพื้นที่ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ๑ โดยลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานกิจกรรมและโครงการที่สำคัญ ได้แก่

๑.โครงการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยเพื่อต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม (4DNA) ณ โรงแรม แพลทินั่ม โฮเทล ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งเป็นตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC (Young Enterpreneur chamber of commerce) ของจ.ระยอง ที่นำผลการถอดรหัสอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของ อ.ปลวกแดง ไปออกแบบและประกอบธุรกิจโรงแรมจนประสบความสำเร็จ ตามโครงการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยเพื่อต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม

๒.ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาศักยภาพชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลัง “บวร” บ้านเก่าริมน้ำประแส ต.ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งชุมชนคุณธรรมดังกล่าวเป็นต้นแบบความสำเร็จของการพัฒนาชุมชนโดยเน้นการปฏิบัติตามหลักธรรมทางศาสนา ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สืบสานวิถีวัฒนธรรมที่ดีงาม มีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ยึดเหนียวจิตใจ และเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักท่องเที่ยว (บวร On Tour) ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนฐานราก สร้างอาชีพ สร้างรายได้ แก่ประชาชนท้องถิ่น

๓.ติดตามการดำเนินงานพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ณ วัดลุ่ม พระอารามหลวง และอุทยานการเรียนรู้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ซึ่งมีโบราณสถานและพื้นที่ทางศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญ ได้แก่ โบสถ์เก่า ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานโดยกรมศิลปากร เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๑ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต้นสะตืออายุกว่า ๓๐๐ ปี เป็นรุกข มรดกของแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๖๐ รวมทั้งสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ตามรอยเดินทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นอกจากนี้ วธ. มีแผนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในมิติวัฒนธรรม โดยเตรียมฟื้นฟูอุตสาหกรรมภาพยนตร์ สนับสนุนการนำเสนอ “เมืองพัทยา” ให้เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านภาพยนตร์ ของ UNESCO และกำหนดจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เมืองพัทยา ในปี ๒๕๖๔ เพื่อส่งเสริมให้พัทยาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตและถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก

นายอิทธิพล กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จ.ระยอง วธ.จะนำเสนอวีดิทัศน์มิติวัฒนธรรมกับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้ที่ประชุมครม.รับทราบในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ๑ (พ.ศ.๒๕๖๒ – ๒๕๖๔) และดำเนินงานตามแผนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในมิติวัฒนธรรม รวมทั้งเพื่อเดินหน้าฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออก ๑ ภายหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่า ๒๐๑๙ (โควิด-19) โดยจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งดึงดูดผู้ประกอบการให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มยิ่งขึ้น

………………………………………………………….